ในยุคที่โลกเผชิญกับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเหลื่อมล้ำทางสังคมสูงขึ้น และข่าวการทุจริตคอร์รัปชัน ส่งเสริมให้ทุกคนเรียกร้องความโปร่งใสจากภาคธุรกิจ
การลงทุนแบบ ESG (Environmental, Social and Governance) ที่ย่อมาจาก
"E" Environmental (สิ่งแวดล้อม) คำนึงถึงความรับผิดชอบขององค์กรต่อสิ่งแวดล้อม
"S" Social (สังคม) เป็นตัวชี้วัดว่าองค์กรจัดการความสัมพันธ์และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างไรบ้าง
"G" Governance (บรรษัทภิบาล) การกำกับดูแล การบริหารจัดการนี้ต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย
ซึ่ง ESG จะเป็นตัวชี้วัดในเบื้องต้นว่าองค์กรมีความรับผิดชอบต่อโลกหรือไม่ และมีแนวโน้มในการพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนได้อย่างไรภายใต้แนวโน้มของการทำธุรกิจที่ต้องคำนึงถึงความยั่งยืนเป็นหลัก
ดังนั้น ESG จึงเป็นเทรนด์ที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะไม่ใช่แค่การแสวงหาผลตอบแทน แต่ยังสะท้อนถึงค่านิยมและความรับผิดชอบต่อโลกและสังคมของนักลงทุนด้วย Krungsri The COACH จะมาพาทุกคนมาสำรวจกันว่าการลงทุนในธีม ESG นอกจากจะช่วยรักษ์โลกแล้ว ในด้านของการลงทุนกองทุนรวมจะช่วยให้เงินลงทุนของทุกคนเติบโตได้อย่างยั่งยืนอย่างไรบ้าง
การลงทุนในธีม ESG ดีอย่างไรในยุคนี้
ทำให้โลกดีขึ้น (สร้างความยั่งยืนให้กับโลก)
จากรายงานความเสี่ยงประจำปี 2021 จาก World Economic Forum (WEF) นั้น ได้ระบุว่า สภาพอากาศและความล้มเหลวจากการจัดการด้านภูมิอากาศล้วนแล้วแต่เป็นความเสี่ยงที่จะส่งผลต่อวิกฤตในการดำรงชีวิตของมนุษย์ภายในสิบปีข้างหน้า การช่วยสนับสนุนและ
ลงทุนในธีม ESG เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสนับสนุนให้บริษัทที่มีนโยบายส่งเสริมความยั่งยืนในสังคมและสิ่งแวดล้อมได้มีแหล่งระดมทุนในการประกอบกิจการต่อไป
มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่า (สร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน)
ผลการศึกษาส่วนใหญ่ล้วนบ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า ในระยะยาวการลงทุนในกลุ่ม ESG ให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนแบบทั่วไป ดูตัวอย่างได้จาก 2 Index ดังนี้
- SETTHSI Index : ดัชนีความยั่งยืนที่จัดทำและเผยแพร่มาตั้งแต่ปี 2561 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คัดเลือกหุ้นจากบริษัทจดทะเบียนในรายชื่อหุ้นยั่งยืน THSI (Thailand Sustainability Investment) ซึ่งผ่านการประเมินความยั่งยืนและมีผลการดำเนินงานด้าน ESG โดดเด่น จะเห็นได้ว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ดัชนี SETTHSI มีผลตอบแทนเฉลี่ย 3% สูงกว่าดัชนีอื่นที่มีผลตอบแทนติดลบ 18 - 19% สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าดัชนี SETTHSI สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ (ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ข้อมูล ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566)
- MSCI EM ESG Leaders Index : ดัชนีความยั่งยืนที่จัดทำโดย MSCI พิจารณาบริษัททั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มีการดำเนินงานด้าน ESG โดดเด่นครอบคลุม 24 ประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) พบว่านับตั้งแต่ปี 2008 จนถึงปัจจุบัน ดัชนี MSCI EM ESG Leaders มีผลตอบแทนมากกว่าดัชนีทั่วไปถึง 64.81% โดยดัชนี MSCI EM ESG Leaders Index มีผลตอบแทน 89.32% ในขณะที่ดัชนี MSCI Emerging Markets ให้ผลตอบแทนเพียง 24.51% (ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ข้อมูล ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566)
ลดการขาดทุนหนัก (สร้างความมั่นคงในการลงทุน)
บริษัทที่ผ่านเกณฑ์ ESG จะช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลในอนาคตที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจ และความสามารถในการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว
ในช่วงปี 2563 ที่ตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ทุกดัชนีปรับตัวลดลงอย่างมาก แต่ดัชนี SETTHSI ปรับตัวลงไม่แรงเท่ากับดัชนีอื่น ๆ สะท้อนว่าธุรกิจที่ดำเนินงานโดยคำนึงถึง ESG สามารถปรับตัวและรับมือกับความผันผวนในภาวะวิกฤตได้ (ข้อมูลจาก SETTHSI Index)
มีแนวโน้มการเติบโตของตลาด (สร้างความมั่งคั่งในระยะยาวได้)
จากความสำคัญของ ESG ทำให้ประชาชนและองค์กรส่วนใหญ่บนโลกนี้มองว่าความยั่งยืนเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ และต้องปฏิบัติให้เร็วที่สุด ดังนั้น ESG จะกลายมาเป็นกติกาใหม่ที่ทั้งโลกรับรู้ร่วมกันในการทำธุรกิจโดยให้ความยั่งยืนเป็นเป้าหมายอันดับ 1 ที่จะได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าบริษัทที่เน้นผลกำไรเป็นหลัก
ในปัจจุบันสถาบันการเงินหลายแห่ง ได้หันมาให้การสนับสนุนแนวคิด ESG โดยมีนโยบายที่จะไม่สนับสนุนเงินลงทุนกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโดยไม่เน้นความยั่งยืนกับโลก อย่างเช่น สินค้าที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม หรือโรงไฟฟ้าถ่านหิน ดังนั้นธุรกิจที่ใช้หลัก ESG จึงได้เปรียบในเรื่องของเงินทุนอย่างชัดเจน และสร้างการเติบโตได้ในระยะยาว
4 เทคนิคลงทุนกองทุนธีม ESG ให้เติบโตดั่งใจ
Krungsri The COACH แนะนำให้ลงทุนกองทุนรวม ESG โดยมีเทคนิคการลงทุนและการเลือกกองทุน ESG ง่าย ๆ 4 ข้อ ดังนี้
1. เลือกลงทุนกองทุนรวม ESG ที่มีโอกาสเติบโตไปกับเมกะเทรนด์
จะช่วยให้เงินลงทุนเติบโตตามเทรนด์ของโลก เช่น การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) เนื่องจากหลังปี 2563 โลกได้ก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์กลายเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง และมีแนวโน้มการเติบโตพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็นอีกหนึ่งเมกะเทรนด์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาธุรกิจที่มั่นคงและมีศักยภาพในการเติบโตสูงในยุคดิจิทัล
2. เลือกลงทุนกองทุนรวม ESG ที่มีประวัติผลตอบแทนย้อนหลังดี
การลงทุนเป็นการคาดหวังให้เงินช่วยทำงาน ผลการดำเนินการจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ จากการศึกษาพบว่า กองทุนรวมที่มีผลการดำเนินการย้อนหลังระยะยาวที่ดีมีแนวโน้มทำผลงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง
3. เลือกลงทุนกองทุนรวม ESG ที่มีการกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสม
การลงทุนในกองทุน ESG ที่มีการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรมจะช่วยกระจายความเสี่ยง ลดความผันผวนจากภาวะตลาดที่กระทบกับอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง เช่น พลังงานสะอาด (Clean Energy) อย่างธุรกิจพลังงานหมุนเวียนต่าง ๆ หรือการขนส่งอย่างยั่งยืน (Sustainable Transport) อย่างธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าและห่วงโซ่อุปทาน
4. การลงทุนด้วยกลยุทธ์การลงทุนแบบ DCA
ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ใช้วินัยในการออมและลงทุน ไม่พลาดการลงทุนเพราะความกังวลจากภาวะตลาดไม่ปกติ เป็นกลยุทธ์ที่เรียบง่าย ใช้งานง่าย เหมาะกับนักลงทุนทุกระดับ
สร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนไปกับกองทุน ESG
Krungsri The COACH มีคำแนะนำ หากใครกำลังสนใจและอยากลงทุนกองทุนรวม ESG
กองทุนเปิดกรุงศรีเอ็นแฮนซ์เซ็ทไทยเพื่อความยั่งยืน (KFTHAIESG)
- ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง)
- ลงทุนในบริษัทที่มีความโดดเด่นด้าน ESG ชั้นนำของประเทศ ซึ่งอ้างอิงตามดัชนี SETESG ขุมทรัพย์แห่งบริษัทชั้นนำด้านความยั่งยืน ที่สะท้อนการเคลื่อนไหวราคาของกลุ่มหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนซึ่งมีผลประเมินหุ้นยั่งยืน (SET ESG Rating)
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการการเติบโตในธีม ESG และยังได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย (เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีไม่เกิน 30% ของเงินได้และไม่เกิน 300,000 บาท ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2567)
กองทุนเปิดกรุงศรี Equity Sustainable Global Growth (KFESG)
- ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง)
- ลงทุนในตราสารทุนของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Corporate Governance : ESG) ผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ “AB Sustainable Global Thematic Portfolio, Class S1 USD” (กองทุนหลัก) เน้นลงทุนใน 3 ธีมการลงทุนหลักที่เกี่ยวข้องกับ สุขภาพอนามัย (Health) สภาพภูมิอากาศ (Climate) และการเพิ่มศักยภาพให้กับคนในสังคม (Empowerment) ซึ่งจะเป็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก จึงช่วยสร้างโอกาสที่แตกต่าง สำหรับการเติบโตในระยะยาว ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KFESG
กองทุนเปิดกรุงศรี ESG Climate Tech (KFCLIMA)
- ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง)
- ลงทุนในหุ้นและ/หรือหลักทรัพย์อื่น ๆ ของบริษัททั่วโลกที่มีธรุกิจหลักเกี่ยวกับการควบคุม หรือลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกหรือผลกระทบอื่นที่เกี่ยวข้อง ผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ DWS Invest ESG Climate Tech, Class USD TFC (กองทุนหลัก) เติบโตไปกับบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรอบด้าน ได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลก จึงคาดการณ์การเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคต พร้อมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อสภาพแวดล้อมที่ดีให้แก่คนรุ่นหลัง ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KFCLIMA
กองทุนเปิดเค พอสซิทีฟ เชนจ์ หุ้นทุน (K-CHANGE)
- ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง)
- ลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่มีการดำเนินธุรกิจซึ่งส่งผลบวกต่อสังคม (Positive Impact) หรือสนับสนุนให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในด้านต่าง ๆ ผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ Baillie Gifford Positive Change Fund - Class B accumulation (GBP) โอกาสรับผลตอบแทนจากการเติบโตของหุ้นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูงทั่วโลก และเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่สังคมและสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญในการประเมินค่าผลกระทบในเชิงบวกของการลงทุนออกมาเป็นตัวเลข (Quantification) โดยมีการทำรายงานเพื่อเผยแพร่เป็นประจำทุกปี ทำให้ผู้ลงทุนสามารถรับรู้ถึงผลกระทบในเชิงบวกที่เกิดจากการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรมได้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ K-CHANGE
สรุป
การลงทุน ESG มีความน่าสนใจในหลายแง่ ทั้งในมุมของความยั่งยืน ผลตอบแทนระยะยาว และการลดความเสี่ยง อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนให้โลกและสังคมดีขึ้นไปพร้อม ๆ กัน แต่การลงทุนกองทุนรวมหุ้นมีความเสี่ยง ควรพิจารณาเป้าหมายการลงทุนส่วนบุคคล และศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ
คำเตือน :
*ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
- *Thai ESG เป็นกองทุนที่ส่งเสริมการออมระยะยาวและสนับสนุนการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน
- *KFCLIMA ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
อ้างอิง