พลังของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ส่งผลกระทบมากมายไม่เว้นแม้แต่ระบบการเงิน แล้วหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตัวไหนที่น่าลงทุนและน่าจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุด
คนครึ่งโลกหรือประมาณ 3.7 พันล้านคน ใช้อินเทอร์เน็ตกันแล้ว ! และตัวเลขนี้ก็เพิ่มขึ้นทุกๆ นาทีเลยค่ะ สิ่งที่มาเปลี่ยนแปลงหรือปฏิวัติโลกก็คือ โทรศัพท์มือถือ ทำให้คนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตกันได้ง่ายมากขึ้น จำนวนโทรศัพท์บ้านเรามีมากกว่าจำนวนแปรงสีฟันเสียอีกนะคะ เพราะบางคนใช้มากกว่า 1 เครื่อง เทคโนโลยีจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีอยู่ในชีวิตประจำวันของเราทุกคน เรียกว่าอยู่ในทุกอณูของเราเลยค่ะ
เราเริ่มเห็นเทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้นในเชิงเศรษฐกิจเช่นกันค่ะ ตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นตัวอย่างที่ดี เพราะถ้าไปดูกลุ่มบริษัทที่มี Market Cap สูงสุดของตลาดก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว กลับกลายเป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่มาแรง แซงยักษ์ใหญ่ในอดีต บริษัทเหล่านั้น ได้แก่ Apple, Google, Microsoft, Amazon และ Facebook
โลกของการลงทุนเริ่มหันมามองหุ้นในกลุ่มนี้มากขึ้น เพราะลักษณะธุรกิจที่มีบริการใหม่ ๆ สามารถปฏิวัติอุตสาหกรรมเดิมได้ด้วยเทคโนโลยี (Disruptive Technology) มีโอกาสที่จะทำตลาดใหม่ ขยายไปได้ทั่วโลก (Borderless) และความสามารถในการที่จะเติบโตได้แม้จะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ดังนั้นหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีพลิกโลกจึงหอมหวนยิ่งนัก ขนาดคุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังต้องกลับคำพูดที่ว่า เขาไม่สนใจซื้อหุ้นบริษัทไฮเทค เพราะเป็นธุรกิจที่เขาไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้คน Low Tech อย่างคุณปู่ยังหันมาลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท Apple เก็บไว้ในพอร์ตแล้วนะคะ
อยากรู้ว่าหุ้นเทคโนโลยีเปลี่ยนโฉมของโลกยุคใหม่จะเป็นอย่างไร น่าสนใจแค่ไหน เรามาดูตัวอย่างหุ้นในกลุ่มที่มี Market Cap สูงสุดกันค่ะ
APPLE: AAPL
หุ้น Apple เป็นหุ้นที่ปู่วอร์เรน บอกว่าชอบมาก เพราะมองว่า Apple แม้จะเป็นหุ้นเทคโนโลยีจ๋า แต่มันกลายเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคไปแล้วต่างหาก และที่สำคัญมันขายซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ เพราะลูกค้าที่เคยใช้แล้วจะมีความติดหนึบ ชอบชนิดถอนตัวไม่ขึ้น และต้องซื้อรุ่นต่อ ๆ ไปเรื่อย ๆ ทำให้ Apple มีความสามารถในการแข่งขันกับผู้เล่นรายใหม่ได้ดี และทำกำไรทั้งปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง
ดูจากข้อมูล
Jitta.com แล้ว หุ้น Apple เป็นหุ้นที่อยู่ในระดับดีทีเดียวโดยมี Jitta Score 6.40 (เต็ม 10) เพราะการบริหารงบการเงิน และการจัดสรรเงินทุนทำได้ดี หุ้น Apple เป็นหุ้นที่แข็งแกร่งมาก จะเห็นได้จากปีวิกฤติ subprime 2008 ก็ไม่ได้รับผลกระทบ แต่กลับโตอย่างมากหลังจากนั้น อาจจะมีตกไปบ้างช่วงปี 2011 จากการเสียชีวิตของศาสดา สตีฟ จ็อบส์ และผลประกอบการที่ไม่เป็นไปตามเป้าทำให้หุ้นล่วงลงมาในปี 2013 และ 2016 แต่หุ้นก็กลับมาเติบโตดังเดิมได้ และเป็นราคาที่ยังต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสมหรือ Jitta Line อยู่ อย่างที่ปู่บอกค่ะว่า Apple เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคไปแล้ว ยิ่งเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นในยุคดิจิทัลแล้วด้วย อย่างไรหุ้นก็จะเติบโตไปเรื่อย ๆ ได้อีกแน่นอน
FACEBOOK: FB
มาดูหุ้นอีกตัวที่น่าสนใจนั่นคือ Facebook หุ้นมหาชนที่ใคร ๆ ก็รู้จัก เป็นหุ้นที่ราคามีการเติบโตตั้งแต่เข้า IPO จนถึงปัจจุบันมากถึง 500% และยังคงเติบโตทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง จากผู้ใช้งานทั่วโลกที่มากกว่า 2 พันล้านคนต่อเดือน มีการทำรายได้จากโฆษณาที่โตอย่างก้าวกระโดด รุกคืบเก็บส่วนแบ่งทางตลาดจากผู้เล่นรายอื่น ๆ และมีนวัตกรรมออกมาทำให้เราทึ่งได้อย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้หุ้น Facebook จะเป็นหุ้นที่ดี มี Jitta Score ที่สูง แต่ราคาก็ยังถือว่าแพงกว่าราคาที่เหมาะสมไปมาก เป็นเพราะการให้มูลค่าอนาคตจากนักลงทุนที่สูงนั่นเอง
ถ้าเราดูจากหุ้นเทคโนโลยีตัวใหญ่ ๆ หลายตัวก็อาจจะมีราคาแพง สูงกว่าราคาที่เหมาะอย่างมาก เช่น Tesla ซึ่งเป็นบริษัทไฟแรงผู้พลิกโฉมอุตสาหกรรมรถยนต์ ผลิตรถไฟฟ้าที่มียอดจองถล่มถลาย แต่ก็ยังไม่สามารถทำกำไรได้
คุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ไม่ชอบลงทุนกับความหวังในอนาคตที่มากเกินไป จึงเป็นเหตุผลที่ปู่ลงทุนในหุ้น Apple ซึ่งเป็นหนึ่งในสุดยอดบริษัทเทคโนโลยี ในตอนที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสมมากพอสมควร (เริ่มลงทุนตอนราคาหุ้นอยู่ที่ประมาณ $90-$100)
นักลงทุนหลายคนก็เช่นกันหากไม่อยากลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีร้อนแรง แต่ราคาแพงเกินไปก็สามารถที่จะไปเลือกดูหุ้นดีราคาถูกในกลุ่มเทคโนโลยีตัวอื่น ๆ ได้จากรายชื่อหุ้น Top ของไทยและต่างประเทศ หรือหากไม่ลงทุนเองก็เลือกลงทุนในกองทุนรวมก็ได้นะคะ เดี๋ยวนี้เขามีกองทุนหุ้นเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกให้เลือกลงทุนสบาย ๆ เช่น กองทุนกรุงศรีโกลบอลเทคโนโลยีอิควิตี้ (KF- GTECH) เป็นต้น
เห็นไหมคะว่า บริษัทในยุคใหม่มีความสามารถในการขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว มีไอเดีย ดีไซน์ เทคโนโลยีที่เป็นอาวุธสำคัญที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรม สามารถครอบครองคนทั่วโลก และต่อยอดสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเองได้เป็นอย่างดี เราอยู่ในยุค 4.0 ใช้เทคโนโลยีกันตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ก็น่าสนใจที่จะเป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกสักตัวบ้างแล้วล่ะค่ะ