นี่อายุก็จะสามสิบแล้ว ทำไมไม่มีเงินเก็บเลย
ถ้ามีลูกแล้ว จะมีเงินดูแลเลี้ยงดูพวกเขาไหม
ชีวิตหลังเกษียณจะเป็นอย่างไร
คำถามเหล่านี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งวนเวียนอยู่ในหัว นอกจากไม่ได้คำตอบแล้ว ยังจะสร้างความเครียดเสียอีก วันนี้ เรามาลองเปลี่ยนจากการตั้งคำถาม เป็นการเริ่มวางแผนการเงินกันดีกว่าครับ
แมค พนักงานประจำบริษัทไอทีแห่งหนึ่ง ตลอดห้าปีตั้งแต่แมคเริ่มทำงาน เขาใช้จ่ายอย่างเต็มที่ อยากกินอะไรก็กิน อยากได้อะไรก็ซื้อ เปลี่ยนมือถือทุกปี เที่ยวในประเทศทุกเดือน เที่ยวต่างประเทศอย่างน้อยปีละครั้ง เรียกได้ว่า ได้เงินมาเท่าไหร่ ก็ใช้เท่านั้น
จนเมื่อสองปีที่แล้วที่เขาเริ่มคบกับนก และคิดจะ
สร้างครอบครัวร่วมกัน แต่เขากลับนึกไม่ออกเลยว่า ด้วยรายได้ของเขากับเงินเก็บอันน้อยนิดที่มีอยู่จะสร้างครอบครัวได้อย่างไร ทั้งตัวเขาเองยังมีภาระหนี้ในการผ่อนคอนโดเสียอีก แต่แทนที่จะเอาแต่นั่งเครียด แมคเริ่มหาข้อมูลจากเว็บไซต์ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาตัดสินใจวางแผนการเงิน
แมคเริ่มทำการสำรวจทรัพย์สินที่มี เขามีเงินออมอยู่ใน
บัญชีออมทรัพย์อยู่บ้าง ถึงแม้จะมีมูลค่าไม่มาก แต่หากนำไปลงทุนก็คงดีกว่าปล่อยไว้ในบัญชีออมทรัพย์เฉย ๆ ในส่วนของภาระหนี้ เขามีภาระในการผ่อนคอนโดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
จากนั้น แมคเริ่มทำบัญชีรายรับ รายจ่าย แมคมีรายได้ทางเดียวจากงานประจำ ส่วนรายจ่าย เขาพบว่า รายจ่ายกว่าครึ่งในแต่ละเดือน เป็นไปเพื่อความบันเทิงทั้งสิ้น ซึ่งเขามั่นใจว่า เขาสามารถลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้เกือบทั้งหมด และจากการทำบัญชีรายรับ รายจ่ายนี้ ทำให้แมคสามารถประมาณค่าใช้จ่าย และกำหนดจำนวนเงินออมต่อเดือนได้
จากข้อมูลทั้งหมด แมคตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายใน 5 ปี เขาจะผ่อนคอนโดให้หมด และต้องมีเงินออมสำหรับการสร้างครอบครัว อย่างน้อย 500,000 บาท ด้วยแผนการเพิ่มรายรับ ลดรายจ่าย และจัดการเงินออม
แมคหารายได้เสริมจากการรับงานนอกเหนือจากงานประจำ ซึ่งทำให้เขามีรายรับรวมหลังหักภาษีเดือนละประมาณ 40,000 บาท เขากำหนดสัดส่วนเงินออมไว้อย่างน้อย 40% ของรายได้ในแต่ละเดือน เขามั่นใจว่า เงิน 60% ที่เหลือ สามารถครอบคลุมภาระการผ่อนคอนโดเดือนละ 12,000 บาท รวมถึงค่าใช้จ่ายประจำวันของเขาได้ โดยเขาตั้งใจจะปรับพฤติกรรม เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นให้ได้มากที่สุด
ในส่วนของการจัดการเงินออมนั้น แมคตัดสินใจใช้เงินสะสมที่มีอยู่เป็นเงินสำรองฉุกเฉิน โดยนำไปซื้อกองทุนที่ลงทุนในตราสารเงินที่มีสภาพคล่องสูง แต่ให้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าดอกเบี้ยออมทรัพย์ แมคทำแบบสอบถามประเมินความเสี่ยงแล้วพบว่า เขาสามารถรับความเสี่ยงได้ปานกลาง จึงแบ่งเงินออมออกเป็นสามส่วน โดยใช้เงินออม
แมคเลือกที่จะ
ลงทุนในกองทุนเป็นหลัก เพราะใช้เงินลงทุนต่อครั้งไม่สูง ทั้งยังมีมืออาชีพคอยบริหารแทนให้ นอกจากนี้ การทยอยลงทุนทุกเดือน ยังถือเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนอีกด้วย แมคคาดหวังให้เงินออมของเขาสามารถสร้างผลตอบแทนรวมได้ราว 5% ต่อปี ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน เขาจะมีเงินออมจากกองทุนตราสารหนี้ และกองทุนหุ้นเป็นเงินประมาณ 891,173 บาทเมื่อสิ้นปีที่ 5 ซึ่งด้วยเงินจำนวนนี้ เขาจะสามารถปิดภาระหนี้คอนโดที่จะมีเงินต้นคงเหลือประมาณสามแสนบาท ทั้งยังมีเงินออมสำหรับการสร้างครอบครัวอีกห้าแสนบาทตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ นอกจากเงินก้อนนี้ แมคยังมีเงินที่ลงทุนใน LTF ตลอด 5 ปีอีกด้วย
เทคนิคที่แมคใช้ในการวางแผนชีวิตนี้ คือ การเข้า
Plan Your Money เว็บไซต์ทางการเงินที่เสมือนเป็นที่ปรึกษาทางการเงินส่วนตัว โดยรวบรวม
เครื่องมือคำนวณและแบบทดสอบเพื่อช่วยวางแผนการเงินอย่างเป็นขั้นตอน ตั้งแต่ก่อนเริ่มออม จนถึงเครื่องมือช่วยออกแบบแผนการลงทุนแบบประจำ และการจัดพอร์ตเพื่อการลงทุน
ด้วยแผนการเงินที่ชัดเจนนี้เอง ทำให้แมคไม่รู้สึกเครียดอีกต่อไป เขามั่นใจว่า เขามีความสามารถดูแลครอบครัว และคนที่เขารักได้ ขอเพียงแค่จากนี้ไปเขามีวินัยในการปฏิบัติตามแผนการออมเงินเท่านั้น