ปัจจุบันเราหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยว่าตลาดเงินตลาดทุนนั้นอยู่ในช่วงที่มีความผันผวนสูง สืบเนื่องจากปัจจัยความไม่แน่นอนหลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นปัญหาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการ QE Infinity, ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน, ภาวะฟองสบู่ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน และความไม่ลงรอยกันหลายเรื่องของจีนกับสหรัฐอเมริกา ที่เรียกได้ว่าเป็น
มรสุมเศรษฐกิจ หรือ Perfect Storm
ความผันผวนที่เกิดขึ้นทำให้ราคาสินทรัพย์ในตลาดมีการแกว่งขึ้นลงอย่างรุนแรงทั้งการซื้อและการขาย วันนี้อาจจะราคาดีดขึ้นจนกราฟเขียว วันรุ่งขึ้นกราฟก็อาจจะแดงจากการเทขายอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าความผันผวนนั้นมีทั้งวิกฤตและโอกาส ดั่งคำพูดที่ว่า “High Risk High Return”
รู้จักดัชนีวัดความเสี่ยงในการเลือกกองทุน
สำหรับบทความในครั้งนี้จะเน้นที่กองทุนรวมเป็นหลักนะครับ ก่อนที่เราจะไปถึงรายละเอียดในการคัดเลือกกองทุน ในช่วงที่ตลาดผันผวน เราจะต้องทำความรู้จักกับค่าสถิติค่าหนึ่งก่อน นั่นก็คือค่า Beta (β) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเสี่ยงเป็นระบบ ที่บอกความรุนแรงและทิศทางการเปลี่ยนแปลงอัตราผลตอบแทนของกองทุน เทียบกับอัตราผลตอบแทนของตลาด ซึ่งเกิดจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากตลาด คุณสมบัติของค่า Bata มีด้วยกัน 3 ข้อ คือ
1. ค่า β มีค่าเป็นบวก แสดงว่า ผลตอบแทนของกองทุนมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางเดียวกับกับตลาด
2. ค่า β มีค่าเป็นลบ แสดงว่า ผลตอบแทนของกองทุนมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางตรงข้ามกับตลาด
3. ขนาดของค่า β จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงเทียบกับตลาด ถ้าหาก β มีขนาดเท่ากับ 1 จะแสดงว่า การเปลี่ยนแปลงของกองทุนจะมีขนาดเท่ากันกับตลาดพอดี ถ้าน้อยกว่า 1 แสดงว่าการเปลี่ยนแปลงของกองทุนจะน้อยกว่าตลาด ถ้ามากกว่า 1 แสดงว่าการเปลี่ยนแปลงของกองทุนจะมากกว่าตลาดนั่นเอง
เพื่อให้เข้าใจค่า Beta มากขึ้นผมจะมีตัวอย่างให้ดังนี้
1. กองทุน A มีค่า Beta = 1 หมายความว่าถ้าตลาดปรับตัว 1% NAV ของกองทุน A ก็จะปรับตัวไปใน
ทิศทางเดียวกันเป็นจำนวน 1%
2. กองทุน A มีค่า Beta = 1.2 หมายความว่าถ้าตลาดปรับตัว 1% NAV ของกองทุน A ก็จะปรับตัวไปใน
ทิศทางเดียวกันเป็นจำนวน 1% x 1.2 = 1.2%
3. กองทุน A มีค่า Beta = 0.8 หมายความว่าถ้าตลาดปรับตัว 1% NAV ของกองทุน A ก็จะปรับตัวไปใน
ทิศทางเดียวกันเป็นจำนวน 1% x 0.8 = 0.8%
4. กองทุน A มีค่า Beta = -0.8 หมายความว่าถ้าตลาดปรับตัว 1% NAV ของกองทุน A ก็จะปรับตัวไปใน
ทิศทางตรงข้ามกันเป็นจำนวน 1% x 0.8 = 0.8%
หลังจากเราทำความรู้จักกับค่า Beta กันแล้ว เราจะสามารถแบ่งรูปแบบการลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้เป็น 2 รูปแบบ คือ
ความเสี่ยงของกองทุนแบบไหนที่นักลงทุนควรเลือก
1. สำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการความผันผวนควรปรับพอร์ตการลงทุนไปยังกองทุนที่มีค่า Beta ต่ำกว่าตลาด กองทุนหุ้นปันผลสูง หรือกองทุนที่เน้นการลงทุนในหุ้น Defensive Stock โดยจะมีกองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจ สองกองทุน ได้แก่
กองทุนเปิดกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้-ปันผล (KFGBRAND)
กองทุนเปิดกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้-ปันผล (
KFGBRAND) กองทุนนี้จะนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ Morgan Stanley Investment Funds - Global Brands Fund, Class Z ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทต่างๆ ในประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก ซึ่งเป็นบริษัทที่ประสบผลสำเร็จ หรือมีชื่อเสียงไปทั่วโลก เช่น มีเครื่องหมายการค้าเป็นที่รู้จักทั่วโลก เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์สินค้าที่เราทราบกันดี อาทิเช่น Microsoft, Philip Morris, Visa เป็นต้น โดยข้อมูลล่าสุดของกองทุนนี้จะมีค่า Beta อยู่ที่ 0.73 ซึ่งต่ำกว่าค่า Beta ของตลาด (ณ 27/7/65)
นอกจากนี้กองทุน KFGBRAND ยังแบ่งการจ่ายผลตอบแทนออกให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้เป็น 2 รูปแบบ คือ KFGBRAND-A แบบสะสมมูลค่า ซึ่งจะไม่มีการจ่ายปันผล และ KFGBRAND-D แบบจ่ายเงินปันผล
ข้อมูลเพิ่มเติม
KFGBRAND
กองทุนเปิดกรุงศรี SET100-สะสมมูลค่า (KFS100-A)
สำหรับกองทุนในประเทศจะมีกองทุนที่แนะนำคือ
กองทุนเปิดกรุงศรี SET100-สะสมมูลค่า (KFS100-A) โดยกองทุนนี้จะลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งเป็นส่วนประกอบของดัชนี SET100 โดยการลงทุนกองทุนนี้จะมีค่า Beta ที่ใกล้เคียงกับตลาด โดยข้อมูลล่าสุดของกองทุนนี้จะมีค่า Beta อยู่ที่ 0.99 (ณ 31/8/65)
ข้อมูลเพิ่มเติม
KFS100-A
กองทุนเปิดเคแทม ไชน่า เอแชร์ อิควิตี้ ฟันด์ (ชนิดสะสมมูลค่า) (KT-Ashares-A)
สำหรับกองทุนต่างประเทศจะมีกองทุนที่แนะนำคือ กองทุนเปิดเคแทม ไชน่า เอแชร์ อิควิตี้ ฟันด์ (ชนิดสะสมมูลค่า) (KT-Ashares-A) โดยกองทุนนี้จะนำเงินไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Allianz Global Investors Fund - Allianz China A-Shares (class PT (USD)) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่ม A-Shares ของจีนที่จดทะเบียนหรือซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ประเทศจีน ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ และตลาดหลักทรัพย์เสินเจิ้น โดยเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค, การให้บริการ, การแพทย์ และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยข้อมูลล่าสุดของกองทุน Allianz Global Investors Fund - Allianz China A-Shares (class PT (USD)) จะมีค่า Beta อยู่ที่ 0.9 (ณ 31/8/65)
ข้อมูลเพิ่มเติม
KT-Ashares-A
อย่างไรก็ตามเนื่องจากภาวะตลาดผันผวนวิธีการลงทุนในกองทุนรวมผมจะมีคำแนะนำเพิ่มเติมในการลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดผันผวนลง คือ ให้นักลงทุนทยอยจัดสรรเงินลงทุนเป็นหลายๆ ส่วนแล้วค่อยๆ ทยอยลงทุนในกองทุนที่นักลงทุนเลือกเป็นระยะเวลาที่กำหนด เช่น ลงทุนทุก 3 เดือน เดือนละเท่าๆ กัน หรือที่เรียกกันว่า
Dollar Cost Average นั่นเอง
นอกจากนี้ทางธนาคารกรุงศรีฯ ยังมีอีกหลากหลายกองทุนที่นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับความต้องการได้ หากนักลงทุนต้องการปรึกษาหรือขอคำแนะนำเพิ่มเติม ทางธนาคารกรุงศรีมีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและการลงทุนโดยเฉพาะ ที่สามารถปรึกษาผ่านช่องทางฮอตไลน์ได้ที่ 02-296-5959 จันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 น. - 17.00 น. หรือฝากข้อมูลเพื่อให้
ที่ปรึกษาทางด้านการเงินจากธนาคารกรุงศรี ติดต่อกลับ
สุดท้ายนี้ขอย้ำเตือนให้นักลงทุนทุกท่านศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะในทุกการลงทุน ถ้ามีโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูง ย่อมมีความเสี่ยงที่สูงด้วยเช่นกันนะครับ
บทความโดย
สิรภัทร เกาฏีระ CFP®
กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา