ถ้าพูดถึงประเทศในกลุ่มอาเซียนที่มีความโดดเด่นที่สุดในการลงทุนนั้นคงหนีไม่พ้นประเทศเวียดนาม จากข้อมูลในปัจจุบันประเทศเวียดนามมี GDP ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในระหว่างปี 2019 - 2023 นั้น มี GDP ที่เติบโตขึ้น 28.51% (ข้อมูลจาก tradingeconomics.com ณ เดือนมีนาคม 2024) อย่างไรก็ตามหลาย ๆ คน อาจสงสัยว่า ทำไมเวียดนามถึงเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ แล้วจะสามารถเติบโตแบบนี้ต่อไปได้หรือไม่ อะไรคือปัจจัยและความเสี่ยงของเศรษฐกิจเวียดนาม Krungsri The COACH รวบรวมทุกข้อสงสัย พร้อมพาทุกคนมาหาคำตอบ ถ้าอยากลงทุน
กองทุนเวียดนามตอนนี้ยังทันไหม มีอะไรที่เราต้องพิจารณาบ้าง
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ GDP เวียดนาม
เมื่อเรามาดูกราฟที่แสดงตัวเลขของ GDP เวียดนาม จะเห็นได้ว่ามีการเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี โดยในปี 2020 นั้น เวียดนามมี GDP อยู่ที่ 346.62 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และสำหรับปี 2024 นี้ คาดการณ์ว่า GDP จะเติบโตขึ้นไปอยู่ที่ 453.25 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือโตขึ้นกว่า 30.76% ซึ่งเป็นตัวเลขการเติบโตที่อยู่ในระดับที่สูงมากและบ่งบอกว่าเศรษฐกิจของเวียดนามนั้นกำลังมีความร้อนแรงจนน่าติดตาม
ที่มา : tradingeconomics.com ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2024
4 เหตุผลที่ GDP เวียดนามเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
Krungsri The COACH ได้รวบรวมข้อมูลปัจจัยสำคัญที่ทำให้ GDP ของเวียดนามเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 4 ข้อดังนี้
1. ด้านประชากร
ในปัจจุบันเวียดนามมีประชากรประมาณ 98 ล้านคน และจากข้อมูลของ World Bank นั้น พบว่าประชากรในวัยทำงานในช่วงอายุ 24 - 54 ปี คิดเป็น 45.7% ซึ่งเมื่อคนส่วนใหญ่ยังอายุน้อยและอยู่ในช่วงวัยทำงาน ก็ย่อมทำให้เวียดนามมีความได้เปรียบในแง่ของทรัพยากรบุคคลที่สามารถเป็นแรงงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการบริโภคภายในของประเทศได้
2. ด้านนโยบายรัฐบาล
ต้องยอมรับเลยว่ารัฐบาลเวียดนามนั้นสามารถสร้างนโยบายที่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่ทำให้บริษัทต่างชาติเริ่มกิจการได้ง่ายและช่วยแก้ไขอุปสรรคต่าง ๆ ในการลงทุน ทำให้เม็ดเงินไหลเข้ามา
ลงทุนในเวียดนามมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ เวียดนามยังเข้าร่วมกับข้อตกลงเขตการค้าเสรี ไม่ว่าจะเป็น AFTA, China-ASEAN Free Trade Area และการเป็นสมาชิกของ CPTPP อีกด้วย รวมทั้งรัฐบาลเวียดนามยังให้ความสำคัญในการกำจัดปัญหาคอร์รัปชัน การบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน
3. ด้านทรัพยากรธรรมชาติ
ประเทศเวียดนามมีจุดเด่นในเรื่องทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทำให้เกิดการได้เปรียบในการแข่งขันโดยเฉพาะต้นทุนต่าง ๆ ที่สามารถหาได้ในประเทศและไม่ต้องนำเข้า เช่น พลังงานและแร่ธาตุต่าง ๆ รวมถึงแหล่งน้ำมันดิบที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ทำให้เวียดนามกลายเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของภูมิภาคอาเซียนรองจากมาเลเซียและอินโดนีเซีย นอกจากนี้ เวียดนามยังเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่โดยเฉพาะข้าว ที่ปัจจุบันสามารถส่งออกได้ในปริมาณใกล้เคียงกับประเทศไทยที่ 7.5 ล้านตัน
4. ด้านภูมิรัฐศาสตร์
แม้เวียดนามจะมีความขัดแย้งกับประเทศจีนจากปัญหาเขตแดนและหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ แต่เวียดนามก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีนในแง่ของการค้าและการลงทุน เนื่องจากจีนต้องการกระจายความเสี่ยงจากมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ดังนั้นจึงมีการเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานระหว่าง 2 ประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งทำให้เวียดนามมีความได้เปรียบในด้านโลจิสติกส์มากกว่าประเทศไทย
จะเห็นได้ว่าจุดเด่นของประเทศเวียดนามไม่ว่าจะเป็นเรื่องความได้เปรียบในแง่ของประชากร ทรัพยากร ภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศ ตลอดจนนโยบายรัฐที่สนับสนุนเศรษฐกิจนั้น ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในระยะยาว
ลงทุนกองทุนเวียดนาม ตอนนี้ยังทันไหม
การลงทุนในเวียดนามตอนนี้ยังไม่ถือว่าสายเกินไป เพราะจากข้อมูลจะเห็นได้ว่าตลาดเวียดนามยังมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกในระยะยาว ดังนั้นนักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการลงทุนในระยะยาว โดยลงทุนอย่างน้อย 3 - 5 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ควรเน้นการ
ลงทุนในกองทุนเวียดนามที่โฟกัสไปยังหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เช่น ในกลุ่มของธนาคาร สินค้าอุปโภคบริโภค เทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ และทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมี 2 ปัจจัยที่ควรต้องพิจารณาก่อนลงทุน
1. ความถูก-แพงของตลาดหุ้นเวียดนาม
โดยภาพรวมของตลาดหุ้นเวียดนามในปัจจุบัน ยังถือว่าไม่แพงมาก จากข้อมูลของราคาหุ้นเทียบกับกำไรต่อหุ้นหรือ P/E Ratio อ้างอิงเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2024 นั้น อยู่ที่ 15.95 เท่า ต่ำกว่า P/E Ratio ของตลาดสหรัฐอเมริกาซึ่งอยู่ที่ 24.73 เท่า
ที่มา : ข้อมูลจาก worldperatio.com ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2024
2. การเติบโตของตลาดหุ้นเวียดนาม
เดิมทีตลาดหุ้นเวียดนามถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มตลาดหุ้นชายขอบ (Frontier Market) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตสูง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นตลาดที่ยังมีความเสี่ยงสูง แต่ด้วยการปฏิรูปกฎหมายและนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลเวียดนาม ทำให้ตลาดได้มีการยกระดับให้เกิดเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น จึงทำให้มีการคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นเวียดนามอาจจะถูกจัดเข้าไปอยู่ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ในช่วงปี 2025 ซึ่งในเวลานั้นจะทำให้มีเงินทุนไหลเข้าไปในเวียดนาม โดยเฉพาะในกลุ่มของหุ้นในดัชนี VN30 หากใครได้เข้าไปลงทุน โดยเฉพาะกองทุนเวียดนามก่อนก็จะมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการเติบโตก่อนได้
ความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องระวัง
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนเวียดนามนั้นก็ยังมีความเสี่ยงและความท้าทายอยู่ไม่น้อย เนื่องจากเป็นประเทศที่ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ ซึ่งการเปลี่ยนตัวของผู้นำระดับสูงอาจจะส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุนระยะสั้นได้ นอกจากนี้ เวียดนามยังเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสูง หากประเทศคู่ค้าหลาย ๆ แห่งเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจก็ย่อมส่งผลต่อเวียดนามโดยตรง อีกทั้งการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามยังมีความผันผวนที่สูงมาก และยังมีความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน 2 ต่อ จากการที่จะต้องแลกเงินบาทเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนที่จะแลกเป็นเงินดองเวียดนาม ทั้งในขานำเงินไปลงทุน และในขานำเงินกลับมา ซึ่งอาจทำให้ขาดทุน หรือกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
กลยุทธ์ในการลงทุนในกองทุนเวียดนาม จาก Krungsri The COACH
- มองหากองทุนรวมที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ดีสม่ำเสมอ
- จัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยง โดยยังคงแนะนำให้ลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามหรือกองทุนเวียดนามเป็นส่วนเสริมจากพอร์ตการลงทุนหลัก
- ลงทุนด้วยการทยอยซื้อกองทุนเวียดนามแบบรายเดือนหรือ Dollar Cost Average (DCA) เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุน ไปพร้อม ๆ กับเปิดโอกาสรับประโยชน์จากการเติบโตของกองทุน
สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะลงทุนในเวียดนาม Krungsri The COACH ขอแนะนำกองทุนเวียดนามที่เพิ่มโอกาสให้เราเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจเวียดนาม ได้แก่
กองทุนรวม KFVIET-A
- กองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนในประเทศเวียดนามหรือมีธุรกิจหลัก หรือได้ประโยชน์จากการประกอบธุรกิจในประเทศเวียดนาม
- ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ ชื่อว่า JPMorgan Vietnam Opportunities Fund 40.74% Dragon Capital Vietnam Equity UCITS Fund - Class A 40.37% และ Lumen Vietnam Fund 18.52% (ข้อมูลจาก บลจ.กรุงศรี ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2567)
- มีความเสี่ยงสูง (ระดับ 6)
- เหมาะกับนักลงทุนที่มีประสบการณ์และนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูง
กองทุนรวม PRINCIPAL VNEQ-A
- กองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งทุน (หุ้น) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือมีธุรกิจหลักในประเทศเวียดนามที่เชื่อว่ามีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต
- ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน เช่น หุ้น FPT CORPORATION 9.88%, MOBILE WORLD INVESTMENT CORP 9.17%, MILITARY COMMERCIAL JOINT STOCK BANK 7.60% เป็นต้น (ข้อมูลจาก บลจ.พรินซิเพิล ข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2567)
- มีความเสี่ยงสูง (ระดับ 6)
- เหมาะกับนักลงทุนที่มีประสบการณ์และนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูง
โดยสรุปแล้วเวียดนามไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทางของคนไทยที่ต้องการไปท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าจับตาในด้านเศรษฐกิจและการลงทุนอีกด้วย ซึ่งทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสการลงทุนของเวียดนามได้ ผ่านการลงทุนในกองทุนเวียดนามได้ตั้งแต่วันนี้ อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนเวียดนามนั้นมีความเสี่ยงและความท้าทายอีกหลายอย่าง จึงควรศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากในหนังสือชี้ชวนส่วนสรุป (Fund Fact Sheet) ของกองทุนก่อนการลงทุนเสมอ
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- กองทุน KFVIET-A และ PRINCIPAL VNEQ-A ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนจึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุน หรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- กองทุน KFVIET-A และ PRINCIPAL VNEQ-A ลงทุนกระจุกตัวในประเทศเวียดนาม ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
อ้างอิง
- tradingeconomics.com/vietnam/gdp
- marketeeronline.co/archives/351153
- bit.ly/45RO6Pr
- www.asean-info.com/asean_members/vietnam_economics.html
- bit.ly/3XVNDtC
- themomentum.co/report-vietnam-lead-thailand/
- worldperatio.com/area/vietnam/
- thestandard.co/vietnam-stocks-opportunities-and-challenges/
- greedisgoods.com/frontier-market/
- krungsriasset.com/FFS_KFVIET-A_TH.pdf
- www.principal.th/sites/default/files/fund-documents/Thailand%20Site/th_PRINCIPAL_VNEQ_FFS.pdf