ลงทุนอะไรผลตอบแทนสูง? คำถามยอดฮิตสำหรับผู้คนที่เริ่มสนใจการลงทุน ผลตอบแทนเป็นหนึ่งในสิ่งแรกที่หลายคนนึกถึง โดยคำตอบนี้ถือเป็นคำตอบยาก เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ดังนั้นผลตอบแทนที่สูงจึงมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงตามไปด้วย ซึ่งนักลงทุนแต่ละคนก็มีความสามารถในการรับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน
สำหรับพนักงานประจำที่เพิ่งเริ่มหัดมาสนใจการลงทุน แล้วต้องการผลตอบแทนที่สูง สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมมีหลายอย่าง ดังนั้นในบทความนี้จึงขอแบ่งปันไอเดียในการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนสูง ฉบับมนุษย์เงินเดือน จะมีแนวทางยังไงบ้างไปดูกันเลย
ก่อนจะหาว่า ลงทุนอะไรผลตอบแทนสูง ต้องเริ่มจากประเมินตัวเองก่อน
สิ่งแรกที่นักลงทุนควรทำคือ ประเมินตัวเอง ค้นหาสิ่งที่ต้องการจากการลงทุน เริ่มต้นจากหาเป้าหมายการลงทุนก่อน ยกตัวอย่างเช่น
ลงทุนเพื่อต้องการเกษียณให้เร็วขึ้น คนกลุ่มนี้ก็อาจจะให้ความสำคัญกับการลงทุนในระยะยาว ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้จำนวนเงินที่เพียงพอจะใช้จ่ายในยามเกษียณ หากจำนวนเงินถึงเป้าหมายได้เร็ว โอกาสในการเกษียณก็เร็วตามไปด้วย เป็นต้น
หลังจากทราบเป้าหมายแล้ว ลำดับต่อมาคือ การประเมินว่าสามารถแบกรับความเสี่ยงได้แค่ไหน ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่า หากต้องการผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงก็จะสูงตามไปด้วย ดังนั้นต้องวิเคราะห์ว่าระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้อยู่ในขั้นไหน ซึ่งสามารถ
ทำแบบประเมินความเสี่ยงได้ที่นี้
จัดสรรปันส่วน วางแผนการเงิน ก่อนเริ่มลงทุน
เมื่อค้นหาเป้าหมายในการลงทุนและทราบถึงระดับความเสี่ยงที่รับได้แล้ว ลำดับต่อมาคือการวางแผนการเงินก่อนเริ่มลงทุน สำหรับมนุษย์เงินเดือนสามารถแบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ดังนี้
- ค่าใช้จ่าย โดยส่วนนี้ให้คำนวณว่าเมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นแล้ว มีค่าใช้จ่ายต่อรายได้เท่าไร เช่น เงินเดือน 35,000 มีค่าใช้จ่าย 60% เท่ากับ 21,000 บาท เป็นต้น
- เงินออม ส่วนใหญ่แล้วการออมเงินต่อเดือน ควรอยู่ 10-20% เพื่อให้มีเงินทุนสำรองในยามฉุกเฉิน
- เงินลงทุนโดยเฉลี่ย 20-30% ต่อเดือน เพื่อให้พอร์ตการลงทุนเติบโตอย่างต่อเนื่อง และหากต้องการผลตอบแทนสูง ต้นทุนในการลงทุนที่สูงนี้แหละจะเป็นตัวแปรสำคัญ ที่จะทำให้เงินที่ได้รับสูงตามไปด้วย
โดยการวางแผนทางการเงินจะช่วยให้นักลงทุนมีวินัยในการลงทุน ทำให้ลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ และขนาดของพอร์ตการลงทุนก็จะใหญ่ตามไปด้วย
การลงทุนประเภทไหนที่ได้ผลตอบแทนสูง
สำหรับการลงทุนสามารถแบ่งออกเป็นได้หลายประเภท ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่ต้องการลงทุน เช่น ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อย่างที่ดินหรือคอนโด ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ อย่างหุ้นหรือกองทุน เป็นต้น ทั้งนี้ผลตอบแทนที่สูงมีหลายปัจจัยเข้ามาประกอบ โดยในบทความนี้จะขอยกตัวอย่างการลงทุนที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงมา 3 ประเภทดังนี้
1. ลงทุนในหุ้น
การลงทุนในหุ้นเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีผลตอบแทนสูง ซึ่งใครที่มีพื้นฐานการลงทุน การวิเคราะห์ตลาด เข้าใจทั้งในด้านพื้นฐานและในเชิงเทคนิค ก็มีโอกาสทำกำไรได้ทุกวัน (Day-trade) หรือหากซื้อขายหุ้นได้ถูกจังหวะและเวลา ก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนถึง 10-20% ต่อปี
อย่างไรก็ตามการลงทุนในหุ้นก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน ดังคำกล่าวที่ว่า “High Risk High Return” คือ ความเสี่ยงที่มาก ผลตอบแทนที่ได้กลับมาก็สูงตามไปด้วย ซึ่งมนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอเทรด อาจต้องศึกษาหลักการตั้งค่า Stop loss และ Take Profit เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียในเวลาที่ไม่ได้เฝ้าตลาด
2. ลงทุนในใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant)
ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant: DW) เปรียบเสมือนหุ้นตัวหนึ่ง โดยราคาของหลักทรัพย์จะผูกกับราคาหุ้นที่อ้างอิงถึง และเปลี่ยนแปลงไปตามราคาหุ้นอ้างอิง เช่น DW ที่อ้างอิงจากดัชนี SET50 ราคาของ DW ก็จะขึ้นลงตามดัชนี SET50 เป็นต้น
โดย DW แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สิทธิในการซื้อ (Call) และสิทธิในการขาย (Put) ในหลักทรัพย์ที่อ้างอิง
- Call DW: ราคาของ DW จะขึ้นหรือลงตามดัชนีที่อ้างอิง ทำให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรในขาขึ้นได้ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่คาดการณ์ว่าหล้กทรัพย์นั้นราคากำลังจะขึ้น
- Put DW: ราคาของ DW จะขึ้นหรือลงสวนทางกับดัชนีที่อ้างอิง ทำให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรในขาลงได้ เหมาะสำหรับลงทุนที่คาดการณ์ว่าหลักทรัพย์นั้นราคาจะลง การซื้อ Put DW จะทำให้สามารถทำกำไรในขณะที่หลักทรัพย์ลงได้
สิ่งที่ทำให้ DW เป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทนสูง เนื่องจาก DW จะมีอัตราการทด (Gearing) อยู่ 4-5 เท่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นที่อ้าง 1% ราคาของ DW จะขยับ 2% ทำให้สามารถได้เปอร์เซ็นผลตอบแทนที่มากกว่าเดิม ซึ่งก็อาจทำให้สูญเสียเงินได้มากกว่าเดิมเช่นกัน
3.การลงทุนในกองทุน
กองทุนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุน โดยกองทุนมีการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภทให้นักลงทุนเลือก ทั้งหุ้น อสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงทองคำ หากใครที่ต้องการผลตอบแทนที่สูง ก็สามารถเลือกกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงได้
ยกตัวอย่างกองทุนที่มีความเสี่ยงสูง เช่น
กองทุน KFHTECH-A ที่มีความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง) ซึ่งเลือกลงทุนหุ้นบริษัทด้านเทคโนโลยีและหุ้นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ มีอัตราการเติบโตที่สูง
นอกจากนี้วิกฤตโควิด-19 ยังเป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้เกิด New Normal เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านหลายองค์กรนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ (Digital Transformation) ดังนั้นจึงเป็นโอกาสให้เทคโลโนยีเติบโตไปพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ด้วย
อย่างไรก็ความเสี่ยงของกองทุนด้านเทคโนโลยีก็มีเช่นเดียวกัน เพราะการลงทุนที่กระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมเดียว ย่อมเป็นการแบกรับความเสี่ยงที่สูง หากมีปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมดังกล่าวต้องได้รับกระทบ ก็อาจทำให้มูลค่าของกองทุนปรับตัวลงหรือขาดทุนได้
โดยการลงทุนในกองทุนเหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลา อย่างมนุษย์เงินเดือน หากเทียบกับแนวทางการลงทุน 2 วิธีข้างต้น ต้องอาศัยเวลาในการวิเคราะห์และตัดสินใจ ซึ่งการลงทุนในกองทุนที่มีคนดูแลให้ นอกเหนือจากประหยัดเวลาแล้ว กองทุนบางประเภทยังได้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนทางภาษีอีกด้วย
สรุป
สำหรับข้อสงสัยที่ว่า ลงทุนอะไรผลตอบแทนสูง สามารถคลี่คลายด้วยการประเมินตัวเอง ว่ารับความเสี่ยงสูงได้หรือไม่ เพราะสุดท้ายผลตอบแทนที่สูง ก็ย่อมมีความเสี่ยงสูงตาม ดังนั้นไม่ว่าจะลงทุนในสินทรัพย์ไหนก็ตาม ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดให้เข้าใจ และประเมินตนเองให้พร้อมถึงการแบกรับความเสี่ยงที่มาพร้อมกับผลตอบแทนที่สูงได้ สามารถขอคำแนะนำ ระบุข้อมูลพร้อมนัดให้เจ้าหน้าที่ ติดต่อกลับได้
ที่นี่ หรือโทรเลยที่เบอร์ 02-296-5959 จันทร์ - ศุกร์ 9.00 น. - 17.00 น.
บทความโดย
สิรภัทร เกาฏีระ CFP®
กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา