เคยได้ยินไหมว่า
“การลงทุนในทองคำ” เปรียบเสมือนการสร้างที่หลบภัยป้องกันความไม่มั่นคงในยามวิกฤต เพราะนอกจากจะช่วยให้อุ่นใจในช่วงเศรษฐกิจผันผวนแล้ว ยังช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทุกปีอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เอง นักลงทุนจึงให้ความสนใจกับทองคำมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่เพียงเพราะโอกาสในการสร้างกำไรจากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ทองคำยังช่วยกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนได้อีกด้วย
วันนี้ Krungsri The COACH ได้รวบรวมความน่าสนใจของการลงทุนในทองคำ พร้อมปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำ และ
“เทคนิคการลงทุนในกองทุนทองคำ หรือกองทุนรวมทองคำ” ซึ่งเป็นเทคนิคที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการลงทุนกองทุนทองคำตามเป้าหมายการลงทุนที่วางไว้
รู้ไหมว่า 5 ปีย้อนหลัง (พ.ศ. 2563-2567) ราคาทองคำทำ New High อย่างต่อเนื่องแทบทุกปี
ตารางสรุปข้อมูลราคาทองคําแท่งในประเทศชนิด 96.5% เริ่มตั้งแต่ปี 2563 ถึงปีปัจจุบัน 2567
จากตารางราคาทองคำด้านบน จะเห็นได้ว่าทองคำนั้นไม่ได้เป็นเพียงสินทรัพย์ลงทุนที่ปลอดภัยจากความผันผวนของตลาดและเศรษฐกิจ หรือช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างกำไร และโอกาสการเติบโตของเงินลงทุนได้อีกด้วย จากแนวโน้มราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี
นอกจากนี้ทองคำยังมีสภาพคล่องสูง ซื้อขายได้ง่าย ช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ จึงควรลงทุนในระยะยาวเพื่อเสริมทัพพอร์ตการลงทุนให้ถึงเป้าหมาย หากอยาก
ลงทุนทองคำ แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างดี ลองหาไอเดียการลงทุนจากบทความ
มัดรวมทุกการลงทุนทองคำ หุ้นทองคำ กองทุนทองคำ แบบไหนใช่สำหรับคุณ?
แต่ก่อนที่จะเริ่มต้นลงทุนในทองคำ นักลงทุนควรรู้ก่อนว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อการขึ้น-ลงของราคาทองคำ
5 ปัจจัยที่มีผลต่อการขึ้น-ลงของราคาทองคำ
1. ความต้องการซื้อทองคำ
ความต้องการทองคำจากภาคอุตสาหกรรมและการลงทุน มีผลต่อราคาทองคำเช่นกัน หากมีความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น ราคาทองคำก็จะสูงขึ้นตามลำดับ
2. อัตราเงินเฟ้อ
ราคาทองคำมักจะไปในทิศทางเดียวกับอัตราเงินเฟ้อ เพราะหากเงินเฟ้อสูงขึ้น ความต้องการซื้อทองคำก็จะเพิ่มมากขึ้น เพื่อป้องกันการลดลงของมูลค่าเงินจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
3. อัตราดอกเบี้ย
หากช่วงนี้อัตราดอกเบี้ยต่ำ นักลงทุนจะสนใจลงทุนในทองคำมากขึ้นเพราะสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า แต่หากในช่วงนี้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ก็จะทำให้ทองคำมีความน่าสนใจลดลง เพราะนักลงทุนจะไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนจากดอกเบี้ยมากกว่า ทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง
4. สถานการณ์วิกฤตการณ์ต่าง ๆ ของโลก
เช่น การเกิดสงคราม การเกิดวิกฤตเศรษฐกิจต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคาทองคำ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการ
ลงทุนในทองคำจะช่วยให้ปลอดภัยจากสถานการณ์เหล่านี้ได้
5. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
ทองคำส่วนใหญ่จะซื้อขายเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้นเมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง ราคาทองคำก็จะสูงขึ้น และในทางกลับกัน หากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ราคาทองคำก็จะลดลง
“กองทุนทองคำ” อีกหนึ่งทางเลือกน่าสนใจในการลงทุนทองคำ
เนื่องจากการลงทุนในทองคำด้วยการซื้อทองคำแท่งมาเก็บไว้โดยตรงมีข้อจำกัดอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินลงทุนที่ค่อนข้างสูง ความเสี่ยงต่อการสูญหายหรือถูกโจรกรรม รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาที่อาจเกิดขึ้น เช่น ค่าเช่าตู้เซฟ นอกจากนี้ การขายทองคำแท่งเพื่อทำกำไรก็อาจไม่คล่องตัวเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการขายในปริมาณมากหรือในช่วงเวลาที่ราคาทองคำผันผวน
ด้วยเหตุนี้ การลงทุนในทองคำผ่านรูปแบบอื่น ๆ จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
"กองทุนรวมทองคำ" ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในทองคำได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดเก็บรักษา และยังสามารถเริ่มต้นลงทุนได้ด้วยเงินลงทุนที่ต่ำกว่า
จุดเด่นของการลงทุนใน “กองทุนทองคำ”
1. ลงทุนง่าย ไม่ยุ่งยาก
การลงทุนในทองคำผ่านกองทุนรวมทองคำไม่จำเป็นต้องเดินทางไปร้านทอง สามารถซื้อขายได้ง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ของธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) หรือบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่ให้บริการ
2. เริ่มต้นลงทุนได้ด้วยเงินน้อย
ไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ สามารถเริ่มต้นลงทุนได้ด้วยเงินเพียงหลักร้อยบาท
3. ไม่ต้องกังวลเรื่องการลงทุน
โดยผู้จัดการกองทุนจะเป็นผู้ดูแลให้ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการสูญหายหรือถูกโจรกรรม
4. มีผู้เชี่ยวชาญบริหารจัดการ
มีผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญคอยติดตามภาวะตลาดและบริหารจัดการกองทุน
5. สภาพคล่องสูงกว่าทองคำแท่งหรือทองคำรูปพรรณ
สามารถซื้อ และสามารถขายคืนตามเวลาทำการของกองทุนได้สะดวกและง่าย
ด้วยเหตุผล 5 ข้อนี้ “กองทุนทองคำ” จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย และไม่ต้องการรับความเสี่ยงในการเก็บรักษาทองคำเอง
วิธีเลือกกองทุนทองคำ ให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้น
1. กำหนดเป้าหมายการลงทุน และความเสี่ยงที่ยอมรับได้
เนื่องจากการลงทุนในกองทุนทองคำมีความเสี่ยงสูง (ระดับ 8) นอกจากการมีความรู้ความเข้าใจการลงทุนในกองทุนทองคำแล้ว นักลงทุนควรกำหนดเป้าหมายการลงทุนให้ชัดเจน สอดคล้องกับความเสี่ยงที่รับได้
1.1 เพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น (ลงทุนน้อยกว่า 1 ปี) ควรคำนึงถึงความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคาทองคำในระยะสั้นที่มีโอกาสปรับขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา ควรพิจารณาสภาวะตลาดทองคำในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต รวมถึงการดูสัญญาณเศรษฐกิจโลก และการเมืองที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำ เช่น อัตราเงินเฟ้อ การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย หรือเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ หากราคาทองคำอยู่ในช่วงขาขึ้น อาจเป็นเวลาที่ดีในการเข้าลงทุน
1.2 เพื่อลงทุนในระยะยาว (ลงทุนมากกว่า 5 ปี) สร้างผลตอบแทนในระยะยาว และการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน จะต้องแบ่งสัดส่วนการลงทุนในทองคำให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ตนรับได้ หรือไม่เกิน 15% ของสัดส่วนสินทรัพย์ในพอร์ตการลงทุน เพราะราคาทองคำมีความผันผวนสูง อาจมีการปรับตัวขึ้นลงอยู่เสมอซึ่งส่งผลต่อพอร์ตลงทุนได้
2. ผลดำเนินการย้อนหลังในอดีต
ดูประวัติผลการดำเนินงานของกองทุนในช่วงเวลาต่าง ๆ เพื่อดูว่ากองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในภาวะตลาดต่าง ๆ หรือไม่ หรือเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของกองทุนกับเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark) เพื่อดูว่ากองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าเกณฑ์มาตรฐานได้หรือไม่
3. นโยบายการลงทุน
กองทุนมีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เป็นอย่างไร มีกลยุทธ์การลงทุนเป็นอย่างไร เป็นการลงทุนระยะสั้น/ยาว หรือการปรับพอร์ตตามสภาวะตลาด
4. นโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
หากต้องการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินที่เปลี่ยนแปลง แนะนำลงทุนในกองทุนทองคำที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedged) แต่หากรับความเสี่ยงจากค่าเงินเปลี่ยนแปลงได้ สามารถเลือกลงทุนกองทุนทองคำที่ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Unhedged) ซึ่งผู้ลงทุนก็มีโอกาสกำไรหรือขาดทุนจากค่าเงินที่เปลี่ยนแปลงได้
5. ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย
ตรวจสอบค่าธรรมเนียมการซื้อขาย รวมถึงค่าธรรมเนียมในการจัดการกองทุนเป็นอย่างไร จากหนังสือชี้ชวนของกองทุน เพราะค่าธรรมเนียมทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้
Krungsri The COACH แนะนำกองทุนรวมทองคำที่น่าสนใจ
สำหรับนักลงทุนที่มองหากองทุนรวมทองคำ แต่ยังไม่มีกองทุนที่ถูกใจ วันนี้
Krungsri The COACH ก็ขอแนะนำกองทุนรวมทองคำที่น่าสนใจ 2 กองทุน คือ
- กองทุนกรุงศรีโกลด์ (KF-GOLD) ไม่ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
- กองทุนกรุงศรีโกลด์เฮดจ์ (KF-HGOLD) ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ทั้ง 2 กองทุนนี้มีนโยบายลงทุนที่เหมือนกันคือ ลงทุนใน
กองทุนรวมต่างประเทศ ที่มีชื่อว่า SPDR Gold Trust ซึ่งมีนโยบายที่มุ่งเน้นลงทุนในทองคำแท่ง เพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุนหลังหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการจัดการทั้งหมดของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ มีความเสี่ยงอยู่ในระดับ 8 ลงทุนโดยใช้เงินทุนขั้นต่ำเพียง 500 บาท
4 ความเสี่ยงที่ต้องระวัง
อย่างไรก็ตาม แม้กองทุนทองคำ จะเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจในการลงทุน แต่ก็มีความเสี่ยงในการลงทุน ดังนี้
1. ความผันผวนของราคาทองคำ
ราคาอาจมีการขึ้นลงอย่างรวดเร็วตามสภาวะตลาดโลก เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง การเปลี่ยนแปลงของราคาอาจส่งผลให้มูลค่าการลงทุนลดลง
2. สภาพคล่อง
แม้ว่ากองทุนทองคำจะมีสภาพคล่องสูงกว่าทองคำแท่ง แต่ในบางช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนสูง อาจทำให้การขายคืนหน่วยลงทุนเป็นไปได้ยากหรือต้องขายในราคาที่ต่ำกว่าที่ต้องการ
3. ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
สำหรับกองทุนทองคำที่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Unhedged) จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน โดยอาจขาดทุนหรือกำไรจากค่าเงินได้ และในกรณีที่กองทุนมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงิน (Hedged) อาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมฯ โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้
4. ความเสี่ยงอื่น ๆ
กองทุนทองคำอาจมีความเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ความเสี่ยงด้านกฎหมาย ความเสี่ยงด้านภาษี และความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสารอ้างอิง ซึ่งนักลงทุนต้องทำการศึกษาข้อมูลความเสี่ยงเหล่านี้ ก่อนตัดสินใจลงทุนในกองทุนทองคำ
สรุป
การลงทุนในทองคำเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการกระจายความเสี่ยง เนื่องจากถือเป็นเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe heaven) ในภาวะวิกฤติ มีสภาพคล่องสูง สำหรับคนที่มองหาทางเลือกในการลงทุนทองคำ Krungsri The COACH มองว่า
“กองทุนทองคำ” ก็จัดว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนทองคำที่น่าสนใจ เพราะไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนจำนวนมากในการลงทุน อีกทั้งยังมีผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญคอยบริหารจัดการให้
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะลงทุนในสินทรัพย์ใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับเป้าหมายของตนเองและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เนื่องจากการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- KF-GOLD ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- KF-GOLD, KF-HGOLD ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนทำการลงทุน
อ้างอิง :