รู้จักดัชนีหุ้นทั่วโลก ก่อนลงทุน Index fund ของดีที่ต้องมีติดพอร์ต

ทุกวันนี้ เราสามารถลงทุนหุ้นได้หลากหลายตลาดชั้นนำทั่วโลกอย่างง่าย ๆ ผ่านกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) ไม่ต้องเสียเวลาในการเลือกหุ้น เพราะแต่ละดัชนี (Index) จะมีการกำหนดแนวทางการคัดเลือกหุ้นเข้าดัชนีอย่างชัดเจน และมีกำหนดระยะเวลาในการทบทวนว่าหุ้นในดัชนียังเป็นไปตามแนวทางนั้นหรือไม่อย่างสม่ำเสมอ แต่ก่อนจะเริ่มลงทุน เราควรทำความเข้าใจก่อนว่า ดัชนีคืออะไร? มีข้อดีอย่างไร ทำไมควรมีติดพอร์ตไว้ และหากจะเลือกลงทุนควรเลือกแบบไหน? ทุกคำถามหาคำตอบได้ที่บทความนี้ สำหรับนักลงทุนมือใหม่ มักจะมีคำถามว่าจะซื้อหุ้นตัวไหน? หรือซื้อกองทุนอะไรดี? แต่มีการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่ลงทุนง่าย และเปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนเติบโตตามตลาด เรียกว่า ‘กองทุนรวมดัชนี (Index Fund)’ ที่เน้นกลยุทธ์ลงทุนเชิงรับ (Passive Management) มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ที่ประกอบกันเป็นดัชนี ซึ่งจะให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง (Benchmark) ให้มากที่สุด

ดัชนี คือ ตัวเลขที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตัวเลขที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงในแต่ละวันเป็นเหมือนตัวชี้วัดให้นักลงทุนเห็นว่าภาพรวมของตลาดหุ้นในวันนั้น ๆ เป็นเช่นไร

• ดัชนีดาวโจนส์ ของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange: NYSE) เป็นหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่รวม 30 บริษัท
• ดัชนี S&P 500 เป็นหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่รวม 500 บริษัท
• ดัชนี NASDAQ เป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นตลาดรองที่ซื้อขายง่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยี

ดัชนีในตลาดขนาดใหญ่ทั่วโลก อาทิ

• ดัชนีหุ้นจีน (CSI300) เป็นหุ้น 300 บริษัท ในจีนแผ่นดินใหญ่ 2 แห่ง คือ Shanghai Stock Exchange (SSE) และ Shenzhen Stock Exchange (SZSE)
• ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น (Nikkei 225) เป็นหุ้นของ 225 บริษัทที่อยู่ใน Tokyo Stock Exchange (TSE)
• ดัชนีหุ้นเกาหลี (KOSPI 200) เป็นหุ้นของ 200 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์เกาหลี

ดัชนีตลาดหุ้นไทย ประกอบด้วย

• ดัชนีหุ้นไทย (SET50) เน้นลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าตลาดใหญ่สุด 50 บริษัท
• ดัชนีหุ้นไทย (SET100) เน้นลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าตลาดใหญ่สุด 100 บริษัท
• ดัชนี mai (mai Index) เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก และกิจการนวัตกรรม

  สาเหตุที่กองทุนดัชนีได้รับความสนใจ และเป็นที่นิยม เนื่องจากมีข้อดีกว่ากองทุนรวมประเภทอื่น ๆ ดังนี้

1. ค่าธรรมเนียมถูกกว่า
   เนื่องจากกองทุนดัชนีส่วนใหญ่เป็นกองทุน Passive Fund ทำให้ค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุนมักมีอัตราต่ำกว่ากองทุนประเภทอื่น ๆ
2. เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยได้
   บางกองทุนดัชนีสามารถเริ่มต้นลงทุนเพียง 500 บาท ต่อรายการเท่านั้น
3. เลือกลงทุนในกองทุนได้หลากหลาย ทั้งในและต่างประเทศ
   กองทุน Index Fund สามารถเลือกลงทุนได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ และนอกจากการลงทุนในดัชนีที่อ้างอิงกับตลาดหุ้นทั่วโลกได้แล้ว ยังมีสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ ให้เลือกลงทุนได้ด้วย

 

1. กรุงศรีเวิลด์อิควิตี้อินเด็กซ์-สะสมมูลค่า (KFWINDX-A)

• กองทุน KFWINDX-A เน้นลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนี MSCI ACWI ผ่าน iShares MSCI ACWI ETF
• สะท้อนความเคลื่อนไหวของดัชนี MSCI All Country World Index ซึ่งเป็นดัชนีตัวแทนของหุ้นโลก
• เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังหุ้นทั่วโลก เนื่องจากกองทุนนี้เน้นลงทุนในดัชนี MSCI World ซึ่งประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ และขนาดกลางจากประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก และสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้นได้ และมีระยะเวลาลงทุนตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป

 

2. กองทุนเปิดกรุงศรียูเอสอิควิตี้อินเด็กซ์เฮดจ์เอฟเอ็กซ์-สะสมมูลค่า (KFUSINDX-A)

• เน้นลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ที่อยู่ในดัชนี S&P500 Index ผ่าน iShares Core S&P 500 ETF
• กองทุน KFUSINDX-A กองหลักเน้นลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี S&P 500 Index
• เหมาะกับคนที่สนใจลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี S&P500 ซึ่งเป็นดัชนีที่แสดงระดับ และความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นขนาดใหญ่ 500 ตัว ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐฯ (ทั้งจากตลาด NYSE และ NASDAQ) ซึ่งสะท้อนภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 

3. กรุงศรีเอ็นดีคิวอินเด็กซ์-สะสมมูลค่า (KFNDQ-A)

• เน้นลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี NASDAQ-100 ผ่าน Invesco NASDAQ 100 ETF
• กองทุน KFNDQ-A เน้นลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี NASDAQ-100 ประกอบด้วยหุ้นของบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงินทั้งในประเทศ และนอกประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ใหญ่ที่สุดตามราคาตลาดจำนวน 100 บริษัท ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ
• เหมาะกับคนที่สนใจลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ที่ประกอบด้วยหุ้นใหญ่ชั้นนำ 100 ตัวแรกในตลาด NASDAQ โดยมีสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งเป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งเป็นตัวแทนของธุรกิจแห่งโลกยุคใหม่

 

4. กรุงศรีไชน่าอิควิตี้ CSI 300-สะสมมูลค่า (KFCSI300-A)

• ลงทุนในหุ้นจีนที่มีส่วนประกอบของดัชนี CSI 300 ผ่าน China AMC CSI 300 Index ETF
• กองทุน KFCSI300-A ลงทุนในหุ้นจีนชั้นนำ A-Shares 300 บริษัทแรกที่มีมูลค่าใหญ่ที่สุดในตลาด มีสภาพคล่องสูง โดยหลักทรัพย์จะต้องจดทะเบียนในตลาดเซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น
• เหมาะกับคนที่สนใจลงทุนหุ้นจีน ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์จีน และคาดหวังให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง

 

5. กองทุนเปิดกรุงศรีเจแปนอิควิตี้อินเด็กซ์เฮดจ์เอฟเอ็กซ์-สะสมมูลค่า (KFJPINDX-A)

• เน้นลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี Nikkei 225 ผ่าน NEXT FUNDS Nikkei 225 Exchange Traded Fund (กองทุนหลัก)
• กองทุน KFJPINDX-A เน้นลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี Nikkei 225 ซึ่งเป็นดัชนีชั้นนำของตลาดหุ้นญี่ปุ่น ครอบคลุม 225 บริษัทชั้นนำที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
• เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นญี่ปุ่น และสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้นได้ในระดับสูง เพราะเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นเพียงประเทศเดียว และมีระยะเวลาลงทุนตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป

 

6. กรุงศรี SET100-สะสมมูลค่า (KFS100-A)

• กองทุน KFS100-A เน้นลงทุนในหุ้นไทยเฉพาะบริษัทที่เป็นส่วนประกอบหลักอยู่ในดัชนี SET 100 ซึ่งเป็นหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ 100 อันดับแรกของตลาดหุ้นไทย ที่มีพื้นฐานดี และมีความผันผวนน้อยกว่าหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็ก
• เหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ โดยเน้นกระจายการลงทุนในหุ้นกลุ่มใหญ่ใน SET100 แทนที่จะเลือกเล่นหุ้นรายตัว เน้นการลงทุนระยะยาว และต้องการสร้างผลตอบแทนจากการเติบโตของหุ้นขนาดใหญ่ในประเทศไทย

การลงทุนในกองทุนดัชนี จึงเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนกระจุกตัวในบางหลักทรัพย์ไปในตัว ถือเป็นทางเลือกการลงทุนที่ดี และควรมีติดพอร์ตไว้ สำหรับท่านที่สนใจแต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร สามารถติดต่อสอบถามผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ที่ช่องทางฮอตไลน์ 02-296-5959 ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 - 17.00 น. หรือฝากข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับก็ได้เช่นกัน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

• ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
• KFWINDX-A, KFUSINDX-A, KFNDQ-A, KFCSI300-A, KFJPINDX-A, เป็นกองทุนที่ลงทุนกระจุกตัวในประเทศ หรือกลุ่มประเทศที่กองทุนลงทุน ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
• KFWINDX-A, KFNDQ-A, KFCSI300-A, ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

บทความโดย
ปริตา ธิติปรีชาพล
กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา