ตัวอย่างการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง ด้วยการลงทุนแบบสมาร์ท
รอบรู้เรื่องลงทุน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

ตัวอย่างการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง ด้วยการลงทุนแบบสมาร์ท

icon-access-time Posted On 07 พฤษภาคม 2564
by Krungsri The COACH

การวางแผนการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงคืออะไรและทำไมเราต้องให้ความสำคัญนัก?

การวางแผนลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง (Diversification) คือ กลยุทธ์กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อไม่ทำให้ตัวนักลงทุนขาดทุนอย่างหนักจากการลงทุนอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไป กลยุทธ์นี้สามารถปรับใช้ได้กับนักลงทุนทุกรูปแบบ ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนในกองทุนหรือหุ้นเท่านั้น
 

เหตุผลที่คุณควรลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง

ลดความเป็นไปได้ที่จะ “เจ็บหนัก”

เจ็บหนักในที่นี้คือการขาดทุนมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าหากผู้ลงทุนมีการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งมากเกินไป การกระจายความเสี่ยงจะช่วยลดทอนความเสียหายหากเกิดความผันผวนสูงในตลาด เนื่องจากผู้ลงทุนมีการลงทุนที่หลากหลาย

ตัวอย่างการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง ด้วยการลงทุนแบบสมาร์ท
 

เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว

การวางแผนการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงเหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว เพราะผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องจับตาตลาดอยู่ตลอดเวลาเพื่อซื้อขายหุ้นหรือสินทรัพย์ตัวใดตัวหนึ่ง แต่เป็นการประเมินความเสี่ยงล่วงหน้า และปล่อยให้เงินทำงานของตัวเอง โดยผู้ลงทุนควรรีวิวพอร์ตการลงทุนของตัวเองในทุกๆ ครึ่งปี
 

ตัวอย่าง เปรียบเทียบการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง

ตัวอย่างที่ 1 ลงทุนเพียงกองทุนเดียว

ผู้ลงทุนมีพอร์ตการลงทุนมูลค่า 100,000 บาท ไม่กระจายความเสี่ยงลงทุน ลงทุนเต็มที่ 100% ในกองทุนหุ้นกองทุนเดียวแล้ว ขาดทุน 10% เท่ากับว่าผู้ลงทุนขาดทุนไปเต็มๆ 10,000 บาท

ตัวอย่างที่ 2 กระจายการลงทุน ลงทุน 3 กองทุน

ผู้ลงทุนมีพอร์ตการลงทุนมูลค่า 100,000 บาท โดยใช้การจัดพอร์ตแบบกระจายความเสี่ยง โดยแบ่งการลงทุนออกเป็น 3 กอง กองทุนหุ้น 50% (50,000 บาท) กองทุนตราสารหนี้ 26% (26,000 บาท) และกองทุนผสม 24% (24,000 บาท) ต่อมาเกิดความผันผวนในตลาด ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
  • กองทุนหุ้น ขาดทุน 10% (ขาดทุน 5,000 บาท)
  • กองทุนตราสารหนี้ เท่าทุน
  • กองทุนผสม กำไร 10% (กำไร 2,400 บาท)
นั่นเท่ากับว่าภายใต้ความเปลี่ยนแปลงของตลาด ผู้ลงทุนรายนี้ขาดทุนเพียง 2,600 บาทเท่านั้น

จากตัวอย่างทั้งสองแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของนักลงทุน 2 ประเภทได้อย่างชัดเจน เมื่อเกิดเหตุการณ์ตลาดผันผวนผู้ที่ลงทุนกองทุนเดียว ขาดทุนถึง 10,000 บาท ส่วนตัวอย่างที่สองมีการจัดพอร์ตการลงทุน กระจายไปตามกองทุนต่างๆ ทำให้ขาดทุนเพียง 2,600 บาท แสดงให้เห็นว่าการกระจายการลงทุนช่วยลดความเสี่ยงได้มากพอสมควรเลยทีเดียว
 
ตัวอย่างการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง ด้วยการลงทุนแบบสมาร์ท
 

ตัวอย่างกองทุนที่น่าสนใจสำหรับการกระจายความเสี่ยง

กองทุนเปิดกรุงศรีเวิล์ดเทคอิควิตี้เฮดจ์เอฟเอ็กซ์ ชนิดสะสมมูลค่า (KFHTECH-A)

ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี (ข้อมูล ณ วันที่ 31/03/2021)
86.41%


กลยุทธ์การลงทุน
  1. ลงทุนในหุ้นบริษัทที่มีธุรกรรมเศรษฐกิจที่โดดเด่นในหมวดเทคโนโลยีทั่วโลก ผ่าน BGF World Technology Fund (Class D2 USD) (กองทุนหลัก) ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
  2. กองทุนหลักมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนรวมสูงสุด (Maximize Total Return) โดยผสมผสานการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีความมั่นคงสูง และบริษัทที่มีการเติบโตสูง พอร์ตการลงทุนประกอบด้วย 80 –120 หลักทรัพย์
  3. ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล

จุดเด่นของกองทุน
  1. ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำขนาดใหญ่ โอกาสแห่งการลงทุนท่ามกลางความก้าวหน้าทางนวัตกรรมและเทคโนโลยี
  2. ใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและขับเคลื่อนจากการวิเคราะห์ในเชิงลึก เพื่อค้นหาโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น AI, Cloud, Computing เป็นต้น
  3. กองทุนหลักมีประวัติผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในระยะยาวเมื่อเทียบกับคู่แข่งและดัชนีชี้วัด โดยได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar

ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน เช่น Apple Inc, Microsoft Corp, Tesla Inc และ Amazon Com Inc

ความเสี่ยง
กองทุน KFHTECH-A มีความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง) ยังมีการดำเนินการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของเงินลงทุนในต่างประเทศ ทำให้มีความสามารถในการรองรับความผันผวนของค่าเงินได้อีกด้วย ผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงจึงไม่ควรพลาด

คำเตือน
  • กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
  • Morningstar rating จาก Blackrock ณ 31 มี.ค. 64 โดยการจัดอันดับดังกล่าว ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดอันดับของสมาคมบริษัทจัดการลงทุนแต่อย่างใด
  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนการลงทุน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หนังสือชี้ชวนสรุปข้อมูลสำคัญกองทุน KFHTECH-A

ตัวอย่างการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง ด้วยการลงทุนแบบสมาร์ท
 

กองทุนเปิดวรรณ อัลติเมท โกลบอล โกรว์ธ (ONE-UGG-RA)

ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ข้อมูล ณ วันที่ 31/03/2021
74.60%


กลยุทธ์การลงทุน
ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Baillie Gifford Long Term Global Growth Fund) ซึ่งลงทุนในหุ้นบริษัทที่มีการใช้นวัตกรรมล้ำสมัยและต้องการปฏิรูปอุตสาหกรรมดั้งเดิม รวมถึงเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูง โดยไม่จำกัดรูปแบบอุตสาหกรรม

จุดเด่นของกองทุน
กองทุนเปิด ONE-UGG มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนแม่ Baillie Gifford Long Term Global Growth (LTGG) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนซึ่งกองทุนฯ จะเน้นการลงทุนในหุ้นสามัญ โดยมีแนวทางการลงทุน คือ
  1. ลงทุนในระยะยาว โดยใช้กระบวนการคัดเลือกหุ้นเพื่อลงทุนด้วยวิธีการวิเคราะห์แบบ Bottom-up
  2. ลงทุนในหุ้นทั่วโลก โดยไม่มีข้อจำกัด เช่น ภูมิภาค อุตสาหกรรม มูลค่าตลาดของหุ้นที่ลงทุน
  3. ลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโตโดดเด่น (Exceptional growth) โดยมีความสามารถในการแข่งขัน (Competitive advantage) ในปัจจุบันเหนือคู่แข่งแต่ละประเภทธุรกิจ

ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน เช่น Tesla Inc, Tencent, Amazon และ Netflix Inc

นอกเหนือจากนั้น ONE-UGG-RA ยังมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยยืดหยุ่นตามดุลพินิจของบริษัทจัดการ เพื่อผลประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นหลักอีกด้วย จึงเหมาะสำหรับการถือยาวและลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงจากกองทุนอื่นเป็นอย่างยิ่ง

คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หนังสือชี้ชวนกองทุน ONE-UGG-RA

ความเสี่ยง
กองทุน ONE-UGG-RA มีความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สภาวะตลาด สภาพคล่อง อัตราแลกเปลี่ยน ฯลฯ ซึ่งอาจส่งผลต่อมูลค่าหน่วยลงทุนและฐานะของผู้ลงทุนเอง

คำเตือน
  • กองทุน Bailie Gifford Worldwide Long Term Global Growth Fund (กองทุนหลัก) อาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนหลัก กองทุนจึงมีความเสี่ยงมากกว่ากองทุนรวมอื่น จึงเหมาะสมกับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงและสามารถรับความเสี่ยงได้สูงกว่าผู้ลงทุนทั่วไป
  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนการลงทุน

หากคุณอยากทำความเข้าใจเกี่ยวกับกองทุนรวม ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรควรปรับพอร์ตการลงทุนแบบไหน ทางธนาคารกรุงศรีมีทีม ที่ปรึกษาด้านการลงทุน คอยให้คำแนะนำการลงทุน เพื่อให้คุณเริ่มลงทุนได้อย่างมั่นใจ

สามารถขอรับคำแนะนำได้ที่ 02-2965959 หรือฝากข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ คลิก

บทความโดย
สิรภัทร เกาฏีระ CFP®
กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา