เผยทฤษฎี 90/10 จากนักลงทุนระดับโลก วอร์เรน บัฟเฟตต์
รอบรู้เรื่องลงทุน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

เผยทฤษฎี 90/10 จากนักลงทุนระดับโลก วอร์เรน บัฟเฟตต์

icon-access-time Posted On 15 สิงหาคม 2566
By Krungsri The COACH
ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่ หรือมือเก๋าล้วนต้องเคยได้ยินชื่อหรือรู้จักนักลงทุนในตำนานชื่อดังหลายท่านอย่างแน่นอน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “Warren Buffett” เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก เป็นไอดอลด้านการลงทุนของหลายคน และยังติดอันดับมหาเศรษฐีโลกประจำปี 2023 อีกด้วย โดยล่าสุดมีความมั่งคั่งสุทธิ (Net Worth) มากกว่า 115 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 3.93 ล้านล้านบาท (ข้อมูลจาก Forbes ณ วันที่ 20 ก.ค. 2566)

แม้ปัจจุบัน Warren Buffett จะอายุ 92 ปีแล้ว แต่ก็ยังเป็นคนที่ทรงอิทธิพลในวงการลงทุนอย่างมาก นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะติดตามพอร์ตการลงทุนของ Warren Buffett อยู่เสมอ รวมถึงมีคนส่วนหนึ่งที่ซื้อหุ้นตามอีกด้วย จึงทำให้เมื่อ Warren Buffett ซื้อ-ขายหุ้นตัวไหนเข้า-ออกพอร์ตการลงทุน หุ้นตัวนั้นก็จะมีแรงซื้อขายมากกว่าปกติในช่วงเวลานั้น ๆ

สไตล์การลงทุนของ Warren Buffett คือ เน้นลงทุนหุ้นคุณค่า หรือที่หลายคนรู้จักกันว่า นักลงทุน VI (Value Investor) จะลงทุนในหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นของหุ้นนั้น ๆ นักลงทุนกลุ่มนี้มักจะประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น (Intrinsic Value) เพื่อตัดสินใจเข้าซื้อหรือขาย หากราคาหุ้นปัจจุบันสูงมากกว่ามูลค่าที่แท้จริงก็จะยังไม่ซื้อหุ้น จะเฝ้าติดตามรอจนกว่าราคาหุ้นนั้นลดลงมาถึงราคาที่เหมาะสม นอกจากนี้ การลงทุนแบบ VI เป็นการลงทุนแบบระยะยาว ต้องอดทนรอซื้อ และถือรอหุ้นนั้นเติบโต และไม่สนใจราคาที่ผันผวนระหว่างทาง ซึ่งเป็นหลักการลงทุนที่เรียบง่าย ทำให้ Warren Buffett เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้

วิธีการลงทุนของทฤษฎี 90/10 ลงทุนยังไง?

หลักการของทฤษฎี 90/10 ประกอบด้วยการแบ่งเงินลงทุนออกเป็น 2 ส่วน และนำเงินไปลงทุนใน 2 สินทรัพย์ ดังนี้

ก้อนที่ 1 - 90% ลงทุนในกองทุนดัชนีหุ้นที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ
ก้อนที่ 2 - 10% ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น
 
การตั้งเป้าหมายการลงทุน


ก้อนที่ 1 - 90% ลงทุนในกองทุนดัชนีหุ้นที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ

สาเหตุที่เขาแนะนำให้ 90% ลงทุนในกองทุนดัชนีที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ เพราะการลงทุนในกองทุนที่มีค่าธรรมเนียมสูงจะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนในระยะยาว และจะทำให้เราได้รับผลตอบแทนจากกองทุนน้อยลงเมื่อเทียบกับกองทุนที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ

ซึ่ง Warren Buffett เคยพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ในระยะยาวกองทุนดัชนีสามารถทำผลตอบแทนได้สูงกว่ากองทุน Active Fund โดยเขาได้เดิมพันกับอดีตผู้จัดการกองทุน Hedge Fund ว่า ภายใน 10 ปี กองทุนดัชนี S&P500 จะให้ผลตอบแทนสูงกว่ากองทุน Active Fund และเมื่อผ่านไป 10 ปี กองทุนดัชนี S&P500 ก็ชนะจริง ๆ
 

ก้อนที่ 2 - 10% ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น

วนเงินอีก 10% ที่นำไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น เนื่องด้วยพันธบัตรรัฐบาลเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ราคามีความผันผวนน้อย จึงเหมาะกับเป็นเงินก้อนสำหรับเผื่อถอนเงินออกมาใช้ฉุกเฉิน และเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้พอร์ต เพราะหากเราลงทุนหุ้นทั้งหมด เราจำเป็นต้องถอนเงินออกมาใช้ในช่วงที่ตลาดหุ้นแย่ก็อาจจะต้องยอมขายหุ้นโดยที่ขาดทุนอยู่ออกมา แต่ถ้าเรามีการแบ่งเงินส่วนหนึ่งลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำสำรองไว้ก็จะมีโอกาสขาดทุนน้อยกว่า
 
การจัดพอร์ตลงทุนแบบ Warren Buffett

ตัวอย่างพอร์ตลงทุนของ Warren Buffet ตามทฤษฎี 90/10

พอร์ตที่ Warren Buffet แนะนำให้นำไปทำตามคือพอร์ตของภรรยาของเขาที่ 90% ลงทุนใน S&P500 Index Fund และส่วนที่เหลืออีก 10% ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น

มาทำความรู้จักกันก่อนว่าทั้ง 2 สินทรัพย์นี้ที่กล่าวไปข้างต้นคืออะไร?

1. S&P500 Index Fund หรือกองทุนดัชนี S&P500

เป็นกองทุนที่เน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี S&P500 มากที่สุด โดยจะกระจายลงทุนหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่จำนวน 500 บริษัทในสหรัฐฯ เช่น Apple Inc., Microsoft Corporation, Amazon.com Inc., Facebook Inc., Alphabet, Berkshire Hathaway Inc., Johnson & Johnson, Visa, NVIDIA เป็นต้น จะเห็นได้ว่าบริษัทที่มีขนาดใหญ่ มีความมั่นคง และมีชื่อเสียงดังทั่วโลก
 

2. พันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น

เป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐบาล เพื่อระดมเงินทุนมาใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ของรัฐบาล เช่น ตั๋วเงินคลัง จะมีอายุประมาณ 1 เดือน, 3 เดือน, 6 เดือน, 1 ปี เป็นต้น โดยหน่วยงานรัฐบาลจะมีสถานะเป็นลูกหนี้ ส่วนนักลงทุนจะมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ จะได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยจากลูกหนี้ตามที่กำหนดไว้ เช่น จ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 6 เดือน นอกจากนี้ พันธบัตรรัฐบาลไม่มีความเสี่ยงเรื่องการผิดนัดชำระดอกเบี้ย และเงินต้น จึงถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และปลอดภัยกับเงินของเรา

หากเราลงทุนตามทฤษฎี 90/10 จะได้ผลตอบแทนเท่าไหร่?

เมื่อเราลงทุนไปแล้วสิ่งที่จะต้องตามมาหลังจากนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องผลตอบแทนที่จะได้รับในอนาคต ถ้าเราลงทุนในสินทรัพย์เดียวก็จะคิดผลตอบแทนได้ง่าย แต่เมื่อเราลงทุน 2 สินทรัพย์ขึ้นไปจะนับเป็นพอร์ตลงทุน ซึ่งจะมีขั้นตอนการคิดผลตอบแทนรวมทั้งพอร์ตลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น เราเลยจะมาสอนวิธีคำนวณผลตอบแทนโดยรวมของสินทรัพย์ที่ลงทุนทั้งหมดแบบง่าย ๆ ดังนี้
 

ขั้นตอนที่ 1 – คำนวณหาผลตอบแทนจากการลงทุนของแต่ละสินทรัพย์ก่อน

สูตรคำนวณ คือ ROI = (กำไรจากการลงทุน ÷ เงินต้นที่ลงทุนไปทั้งหมด) x 100%
 

ขั้นตอนที่ 2 – การคำนวณผลตอบแทนของพอร์ตลงทุน

สูตรคำนวณ คือ Portfolio Return = (อัตราผลตอบแทน A x สัดส่วน A) + (อัตราผลตอบแทน B x สัดส่วน B) + (อัตราผลตอบแทน C x สัดส่วน C) + …

จากพอร์ตลงทุนของ Warren Buffett ที่ลงทุนใน S&P500 Index Fund 90% และลงทุนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น 10% เมื่อไปดูผลตอบแทนย้อนหลังของ 2 สินทรัพย์นี้ พบว่า ผลตอบแทนย้อนหลังเฉลี่ย 10 ปีของ S&P500 Index อยู่ที่ 10.36% ต่อปี และผลตอบแทนย้อนหลังเฉลี่ย 10 ปีของพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น อยู่ที่ 0.78% ต่อปี
(แหล่งที่มา : spglobal.com)

ดังนั้น พอร์ตลงทุนตามทฤษฎี 90/10 สามารถนำมาคิดผลตอบแทนได้ดังนี้
Portfolio Return = (10.36% x 0.9) + (0.78% x 0.1) = 9.402% ต่อปี

ทั้งนี้ ผลตอบแทนที่นำมาคำนวณเป็นผลตอบแทนในอดีตที่เกิดขึ้นจริง ๆ แต่ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยัน หรือการันตีถึงผลตอบแทนในอนาคต และสามารถนำมาใช้ดูแนวโน้มผลตอบแทนในอนาคตได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้เลือกลงทุนในสินทรัพย์จากผลตอบแทนในอดีตที่ดีสุด แต่ควรจะดูปัจจัยอื่นประกอบการตัดสินใจร่วมด้วย
 
การวิเคราะห์ผลตอบแทนการลงทุนในกองทุนหุ้น

ข้อควรระวังของทฤษฎี 90/10

ทฤษฎี 90/10 เป็นอีกหนึ่งวิธีการลงทุนที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน อีกทั้งนักลงทุนมือใหม่ก็สามารถนำไปทำตามได้ง่าย แต่ก็อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน เนื่องจากทฤษฎีนี้ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างหุ้นมากถึง 90% จึงอาจจะไม่เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ รวมถึงไม่เหมาะคนวัยใกล้เกษียณที่เหลือเวลาออมเงินน้อย และต้องการรักษาเงินต้นด้วย ซึ่งหากเรามีเงินลงทุนอยู่ในพอร์ตเป็นจำนวนมาก การแบ่งเงินไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นประมาณ 10% เพื่อเป็นสัดส่วนที่มีสภาพคล่องก็อาจจะเหมาะสมเพียงพอแล้ว ดังนั้น ทฤษฎี 90/10 จึงถือเป็นวิธีการจัดสรรสัดส่วนการลงทุนเบื้องต้นที่เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับตัวเองอีกที

7 เทคนิคในการจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง

ทั้งนี้ ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงอยู่เสมอ เราจึงควรศึกษา และทำความเข้าใจรายละเอียดการลงทุนในสินทรัพย์นั้น ๆ ให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

สำหรับมือใหม่ที่อยากลงทุนตามทฤษฎี 90/10 แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นลงทุนยังไงดี จะจัดพอร์ตเลือกสินทรัพย์ลงทุนเองก็ยากเกินไป ทางธนาคารกรุงศรีฯ ก็มีให้บริการลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งถือเป็นเครื่องมือการลงทุนที่เหมาะกับมือใหม่สุด ๆ เพราะจะมีผู้จัดการกองทุน หรือผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลให้อยู่เสมออีกทั้งคอยปรับพอร์ตการลงทุนให้ทันสถานการณ์เพื่อรับมือกับทุกสภาวะการลงทุน

กองทุน “ กรุงศรี The One ” ตัวช่วยจัดพอร์ตตามระดับความเสี่ยง ใช้เงินลงทุนไม่มาก เพียง 500 บาทก็เริ่มต้นลงทุนได้ ลงทุนผสมหลากหลายสินทรัพย์ทั้ง หุ้น ตราสารหนี้ สินทรัพย์ทางเลือก ผ่านกองทุนรวม หรือ กองทุน ETF ทั้งใน และต่างประเทศอย่างน้อย 2 กองทุน นอกจากนี้จะมีการปรับพอร์ตการลงทุน (Rebalance) อยู่สม่ำเสมอให้สอดคล้องกับภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สำหรับคนที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ตรงนี้เลย
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา