หากเราพูดถึงเรื่อง “การลงทุน” หลายคนยังคงมองว่า เป็นเรื่องไกลตัว ยากต่อการเข้าถึง หรือทำให้สำเร็จ แต่ในยุคสมัยนี้ ไม่ว่าคุณจะใคร ... เป็นนักธุรกิจ ฟรีแลนซ์ เจ้าของกิจการ หรือพนักงานบริษัท รวมถึงอาชีพอื่น ๆ อีกมากมายที่เป็นไปได้ในโลกใบนี้ ลึก ๆ แล้ว ล้วนตระหนักดีว่า การ “ให้เงินทำงาน ผ่านการลงทุน” เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นแห่งยุคสมัย
- เพราะเราอยู่ในยุคที่...ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ กว่าทุกยุคสมัย
- เพราะเราอยู่ในยุคที่...สภาพคล่องล้นระบบ กว่าสมัยใด
- เพราะเราอยู่ในยุคที่...การสร้างพอร์ตลงทุน เป็นหนึ่งในหมุดหมายของชีวิต
นั่นคือที่มาว่า ทำไมผู้คนในยุคนี้ จึงจำเป็นต้องเข้าสู่ตลาดหุ้นเพื่อเป็น “นักลงทุน” กันมากขึ้น
สิ่งเดียวที่นักลงทุนทุกคนล้วนคาดหวังไว้เหมือนกัน นั่นคือ ความสำเร็จ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใคร ๆ ก็ทำได้
เพราะการลงทุนในหุ้นนั้น มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง ทุกคนจึงเริ่มมองหาสิ่งที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นมืออาชีพ มีความรู้ ความสามารถ เปี่ยมประสบการณ์ และสามารถไว้วางใจได้ เพื่อเป็นบันไดก้าวไปสู่ความสำเร็จที่คาดหวังไว้
นี่คือที่มาของ “กองทุนรวม” เครื่องมือการลงทุนทรงประสิทธิภาพ ที่นักลงทุนไทย ได้รู้จักกันมาหลายสิบปีแล้ว
กองทุนรวม คือหนึ่งในสินทรัพย์ลงทุน ที่มีให้เลือกลงทุนอย่างหลากหลาย ทั้งแบบ พันธบัตร ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ น้ำมัน หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ฯลฯ เป็นเครื่องมือในการลงทุนสำหรับนักลงทุนรายย่อย ที่อยากจะนำเงินมาลงทุนในตลาดเงินหรือตลาดหุ้น แต่ติดขัดด้วยข้อจำกัดบางอย่าง ที่ทำให้การลงทุนด้วยตนเองไม่สามารถเป็นไปตามที่ต้องการ เช่น
- มีเงินลงทุนจำกัด... ทำให้ไม่สามารถกระจายการลงทุน (เพื่อลดความเสี่ยง) ไปสู่หุ้นหลาย ๆ ตัว หรือสินทรัพย์ต่าง ๆ
- มีประสบการณ์จำกัด... ยังไม่มีประสบการณ์ ความรู้ ความชำนาญ ยังต้องใช้เวลาศึกษา แต่ต้องการเริ่มต้นให้เร็ว
- มีเวลาจำกัด... ต้องโฟกัสงานประจำ หรือเน้นทำธุรกิจ ไม่มีเวลาศึกษา ค้นคว้า และตามติดข้อมูล เพื่อใช้ในการตัดสินใจการลงทุน
กองทุนรวม จึงเป็นเครื่องมือในการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ มีสภาพคล่อง (สามารถขายหน่วยลงทุนที่ถืออยู่ให้เป็นเงินสดได้) มีทางเลือกในการลงทุนหลากหลาย มีการจัดการลงทุนอย่างเป็นระบบ มี “ผู้จัดการกองทุน” ที่สามารถวิเคราะห์รวมถึงวางแผนการลงทุนตามวัตถุประสงค์และนโยบายการลงทุน เป็นผู้คอยดูแลปรับพอร์ตการลงทุนให้ โดยมีจุดมุ่งหมายให้การลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีสุด ภายใต้กรอบความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนยอมรับได้
เป็นที่ทราบกันดีว่า สินทรัพย์ลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในระยะยาวสูงที่สุด คือ
หุ้น ... ดังนั้นการลงทุนในกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดโดยเฉลี่ยในระยะยาว คือ
“กองทุนรวมหุ้น” ซึ่งทุกวันนี้ ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ทั้ง
กองทุนรวมหุ้นที่ลงทุนในประเทศไทย และกองทุนรวมหุ้นที่ลงทุนในต่างประเทศ
โลกนี้กว้างใหญ่ ถ้าเราจำกัดการลงทุนอยู่ในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว ไม่เหลียวแลตลาดอื่นใด ก็อาจเป็นการปิดกั้นตัวเองเกินไป หลายปีมานี้ตลาด
หุ้นไทยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยให้เราได้ไม่สูงนัก แต่ยังมีตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่มีผลงานดี ไม่ทำให้ผิดหวัง รอเราอยู่บนโลกใบนี้ แค่เปิดโอกาสให้ตัวเองจะพบว่ามีโอกาสการลงทุนอีกมากมายรอเราอยู่
ปี 2563 ในขณะที่ตลาดหุ้นไทย ให้ผลตอบแทนทั้งปีติดลบ -8.3% แต่ตลาดหุ้นอเมริกา จีน ไต้หวันและเกาหลี ยังสามารถฝ่าวิกฤตโควิด ให้ผลตอบแทนดีมาก ในระดับบวก +20% ถึง +30% มาในปีนี้ YTD (นับถึงวันที่ 25 พ.ค. 64) ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้ดี +7.1% แต่ก็มีหลายประเทศที่เศรษฐกิจฟื้นเร็วกว่าและตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น ตลาดหุ้นอเมริกา S&P500 +11.7% ตลาดหุ้นยุโรป Euro Stoxx600 +11.5% ตลาดหุ้นไต้หวัน +11% รวมทั้งตลาดหุ้นเวียดนามที่ +17.6% เป็นต้น
โลกนี้กว้างใหญ่ อย่าใส่ไข่ในตระกร้าใบเดียว แม้การลงทุนในตลาดหุ้นไทย อนาคตก็ยังดูดีอยู่ แต่การกระจายการลงทุนไปหลาย ๆ ประเทศยิ่งดีกว่า ทั้งกองทุนหุ้นไทย และกองทุนหุ้นต่างประเทศ ล้วนมีข้อดีเป็นของตัวเอง
ข้อดีกองทุนรวมหุ้นไทย...บ้านเราแสนสุขใจ ใกล้ตัว ลดภาษี ค่าฟีถูก
- การลงทุนในประเทศ เราสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้ กิจการต่าง ๆ ล้วนใกล้ตัว เรารู้จักกิจการต่าง ๆ เป็นอย่างดี PTT เครือปตท., AOT การท่าอากาศยานไทย, CPALL ค้าปลีก 7-11, ADVANC โทรคมนาคมอันดับหนึ่ง ฯลฯ หุ้นทุกตัวเรารู้จักและคุ้นเคย หาข้อมูลได้ง่ายกว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็มีกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลสำหรับการลงทุนได้อย่างเท่าเทียมและครบถ้วน ผ่านทางเว็บไซต์ และกิจกรรม Opportunity Day
- หุ้นไทยมีโอกาสสูงที่จะฟื้นตัวหลังโควิดแน่นอน เราเป็นประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยว ส่งออกและการบริโภคในประเทศ เซกเตอร์เหล่านี้ถูกผลกระทบจากโควิดอย่างรุนแรง แต่ที่สุดแล้วโลกหลังโควิด จะพาหุ้นไทยในเซกเตอร์เหล่านี้ให้ฟื้นตัวได้ และสร้างกำไรให้นักลงทุนได้ เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลาซักหน่อย
- ได้ลดภาษี แถมค่าฟีถูก การลงทุนผ่านกองทุนรวมหุ้น บางกองผู้ลงทุนสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ เช่น กองทุน SSF (Super Savings Fund) หรือ กองทุน RMF (Retirement Mutual Fund) แถมยังมีต้นทุนบริหารจัดการถูกกว่าการลงทุนในกองทุนหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทุนรวมหุ้นไทยแบบ Passive Fund เช่น SET100 หรือ SET50 จะยิ่งมีค่าธรรมเนียมการจัดการที่ถูกลง
ข้อดีกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ...โอกาสลงทุนธุรกิจระดับโลก เศรษฐกิจดี มีนวัตกรรมและยังโต
- โอกาสรับผลตอบแทนสูงขึ้น จากการฟื้นตัวจากโควิดที่เร็วกว่าของเศรษฐกิจในประเทศอื่น ๆ ซึ่งไทยเรา ภาพการฟื้นตัวในปีนี้คงยากอยู่ GDP ปีนี้ยังดูเหนื่อย ปีหน้าก็ยังดูเหนื่อย แต่หลายประเทศกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและจะเติบโตต่อไปอย่างมาก เกิดโอกาสในตลาดหุ้นหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ตลาดหุ้นอเมริกา ยุโรป จีน อินเดียหรือ เวียดนาม
- โอกาสในการลดความเสี่ยงของประเทศไทยจากการกระจายการลงทุนไปสู่หลาย ๆ ประเทศ ต่อให้ประเทศไทยจะเจอวิกฤตเศรษฐกิจ การเมือง หรือ ปัญหาเฉพาะตัวอื่น ๆ เราในฐานะนักลงทุนที่มีการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ ก็ยังคงมีความปลอดภัยอยู่ เพราะได้กระจายเงินลงทุนบางส่วนมาถือสินทรัพย์ลงทุนที่ต่างประเทศ อีกทั้งกองทุนหุ้นต่างประเทศเหล่านี้ก็มีชนิดที่เป็นกองประหยัดภาษีแบบ RMF ช่วยเราประหยัดภาษีได้อีกทางหนึ่งด้วย
- โอกาสในการลงทุนในบริษัทเจ้าของนวัตกรรมใหม่ ๆ แห่งอนาคต ที่ไทยยังไม่มี ข้อนี้สำคัญมาก เพราะนวัตกรรมและเทคโนโลยี คือสิ่งสำคัญที่กำลังขับเคลื่อนโลกของเราในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น นวัตกรรมด้านสุขภาพ, นวัตกรรมการเงินหรือฟินเทค หรือนวัตกรรมด้านระบบอัตโนมัติ ที่มีโมเดลธุรกิจสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และถ้าพูดถึงบริษัทเจ้าของนวัตกรรม หลายคนก็คงจะนึกถึงบริษัทระดับโลก อย่างเช่น Google, Amazon, Microsoft, Apple, Tencent, Alibaba และ Tesla เป็นต้น ซึ่งวิธีการลงทุนหุ้นเหล่านี้ที่ง่ายที่สุด คือ การลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศนั่นเอง
- โอกาสการลงทุนในบริษัทใหญ่ระดับโลกที่ผู้คนทั่วโลกกำลังใช้สินค้าและบริการทุกวัน ทำให้การเติบโตนั้นขยายตลาดไปได้ อย่างมากมายมหาศาล เพราะกิจการเหล่านี้ยังคงพัฒนาสินค้าและบริการต่อไปเรื่อย ๆ ไปสู่ตลาดใหม่ต่อไปได้เรื่อย ๆ ลองนึกถึงการเติบโตของหุ้น CocaCola หรือ McDonald ในอดีตที่สามารถเติบโตไปได้ทั่วโลก ปัจจุบันยังมีหุ้นในกิจการ เช่น ร้านอาหารและเครื่องดื่ม โรงแรมระดับโลก บริษัทเฮลท์แคร์ที่เป็นผู้คิดค้นยาหรือวัคซีนโควิด หรือแม้แต่ Facebook และ Netflix ที่คนทั่วโลกอ่านและดูข้อมูลในทุก ๆ วัน
ตัดสินใจ เริ่มลงทุน
เมื่อชีวิตคือการเรียนรู้ลองเปิดใจกับการลงทุนใหม่ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในชีวิตให้ดียิ่งขึ้น
หลักในการเลือกกองทุน ไม่ว่าจะลงทุนในกองทุนหุ้นไทยหรือหุ้นต่างประเทศ ยังคงเหมือนกัน คือ ต้องศึกษาทำความเข้าใจนโยบายการลงทุนว่าเป็นอย่างไร (ประเทศใด หุ้นธีมอะไร ลงทุนผ่านกองทุนอะไร) ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่กองทุนเรียกเก็บสูงหรือต่ำเมื่อเทียบกับกองทุนลักษณะคล้ายกัน ดูผลงานในอดีต รวมทั้งดูรายชื่อหุ้น 10 ตัวแรก ที่กองทุนถืออยู่ เพื่อดูว่าเราในฐานะนักลงทุน เห็นด้วยหรือไม่ อย่างไร
สุดท้ายคือ ไม่ว่าเราจะเลือกลงทุนในกองทุนรวมแบบใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ต้องเริ่มลงทุน” เริ่มเมื่อไหร่ ก็ดีเมื่อนั้น จงทำการลงทุนให้เป็นเรื่องง่าย ไม่ซับซ้อน และทำเป็นประจำครับ