เมื่อโลกของเราก้าวสู่ยุคดิจิทัล การแข่งขันทางธุรกิจต่าง ๆ ก็มีความดุเดือดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากทุกวันนี้ แทบทุกคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ดังนั้นธุรกิจต่าง ๆ ก็ต้องช่วงชิงพื้นที่บนโลกออนไลน์ เพื่อให้มีพื้นที่ในการตัดสินใจเลือกซื้อของลูกค้ามากที่สุด ซึ่งเราก็จะเห็นได้ตามโซเชียลบ่อย ๆ ว่าธุรกิจที่ไม่ปรับตัวหรือปรับตัวไม่เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ ก็ได้รับผลกระทบและเสียโอกาสให้กับคู่แข่งหรือธุรกิจอื่น ๆ จนบางธุรกิจถึงกับต้องปิดตัวลงเลยทีเดียว
การนำ SaaS (Software as a Service) เข้ามาปรับใช้กับธุรกิจ ก็เป็นการช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวเข้ากับโลกดิจิทัลและนำข้อมูลมาเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ว่าแต่ SaaS (Software as a Service) คืออะไรนะ? ในบทความนี้ น้องเพลินเพลิน by Krungsri จะพาทุกคนมาหาคำตอบกัน!
SaaS คืออะไร?
Software as a Service หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “SaaS” คือ การให้บริการในด้านซอฟต์แวร์แบบหนึ่ง ผ่านระบบ Cloud ซึ่งทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา เพียงแค่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยไม่จำเป็นต้องโหลดโปรแกรมมาติดเครื่องไว้
ซึ่ง SaaS ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เลยทีเดียว เพราะมีหลายซอฟต์แวร์ที่เราใช้กันมานานแล้วที่เป็น SaaS เช่น E-mail, Dropbox, Canva เป็นต้น รวมถึงซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิมที่ต้องใช้งานในรูปแบบออฟไลน์ ก็มีการพัฒนามาใช้ในรูปแบบ SaaS แทน เช่น Microsoft Office 365 ที่เปลี่ยนมาเป็น Google Docs, Google Sheets, Google Slides เป็นต้น
SaaS ช่วยธุรกิจของเราได้อย่างไรบ้าง?
- ใช้งานได้ แม้มีต้นทุนน้อย : SaaS ในปัจจุบันมีทั้งที่แบบสามารถใช้งานได้ฟรี และแบบเสียค่าบริการ ซึ่งส่วนมากแล้ว ถ้าไม่ใช่การใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่มาก ๆ (บุคลากรไม่เกิน 500 คน) ก็จะเสียค่าบริการที่ไม่สูงมาก ยิ่งถ้าเป็นการใช้ในธุรกิจขนาดย่อม ยิ่งประหยัดเพราะมีรูปแบบการสมัครสมาชิกแบบรายเดือน รวมถึงสามารถทดลองใช้ได้ฟรีดูก่อนได้ว่าเหมาะกับการใช้งานและธุรกิจของเราจริงไหม นอกจากนี้ SaaS สามารถเข้าถึงได้ผ่านเว็บไซต์บนคอมพิวเตอร์หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน ดังนั้นจึงตัดปัญหาเรื่องค่าติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญออกไปได้ด้วย
- สามารถใช้งานได้ 24/7 : ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เวลาอะไร แค่มีอินเทอร์เน็ตก็ใช้งานได้ผ่านทั้งทางคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ
- ลดความเสี่ยงข้อมูลหาย : เนื่องจากระบบ SaaS มีการทำงานโดยเก็บข้อมูลไว้ใน Cloud จึงช่วยตัดปัญหาที่เกิดขึ้นในซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิมที่เราต้องคอยกดบันทึกบ่อย ๆ ออกไปได้ เมื่อเราใช้งาน ระบบก็จะมีการ Auto Save ให้ทันที หากเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น แบตหมดหรือต้องหยุดทำงานกลางคัน สิ่งต่าง ๆ ที่เราทำลงไปก็ยังอยู่ใน Cloud นั่นเอง
SaaS เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่ทรงพลัง ช่วยในการทำงานของนักการตลาด
- จัดเก็บข้อมูลลูกค้า เพื่อวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา : จัดเก็บข้อมูลประวัติลูกค้า ร่วมถึงคำแนะนำต่าง ๆ ผ่าน Cloud เช่น Google Drive หรือ OneDrive ได้ รวมถึงการดึงข้อมูลออกมาไม่ยุ่งยาก สามารถนำไปติดตามและวิเคราะห์ต่อได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
- เสริมสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย เช่น การทำ E-mail Marketing ผ่านการแจ้งข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ถึงสินค้า บริการหรือกิจกรรมต่าง ๆ
Tips by น้องเพลินเพลิน : คว้าโอกาสลงทุนในเทคโนโลยีที่กำลังเติบโต
แม้ว่าระบบ SaaS จะดูเหมาะในการนำมาประยุกต์และพัฒนาธุรกิจ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้มีธุรกิจและอยากจะเติบโตอย่างมั่นคงผ่านโอกาสต่าง ๆ ผ่านเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมด้านเทคโนโลยี อย่าง
KFHTECH กองทุนที่จะนำเงินไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ “BGF World Technology Fund (Class D2 USD)”
- ระดับความเสี่ยง : 7 (เสี่ยงสูง) – ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ≥ 90% ของเงินลงทุนในต่างประเทศ
- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
SaaS เป็นหนึ่งใน Software ที่ได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายมาก ๆ เพราะมีข้อดีหลายข้อและช่วยส่งเสริมธุรกิจได้ ซึ่งหากเรามีความเข้าใจและสามารถนำ SaaS มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของเราให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยให้เราสามารถปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยและการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดเวลา นอกจากนี้การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะการเติบโตของเทคโนโลยีต่าง ๆ ก็สามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมให้เราได้เช่นกัน