ร้านเด็ดบางร้านมีเงินอย่างเดียวไปกินไม่ได้! เพราะด้วยชื่อเสียง รสชาติ และบรรยากาศที่เป็นเหมือนมีมนต์เสน่ห์ดึงดูดนักกินจากทั่วสารทิศจนมีคิวยาวเหยียดเป็นหางว่าว ถือเป็นร้านระดับตำนานที่จะเดินดุ่ม ๆ เข้าไปทานเลยไม่ได้ ต้องมีการวางแผนและเฝ้ารอ บางครั้งเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือเป็นปีก็มี! หากคุณเป็นฟู้ดเลิฟเวอร์ตัวจริง เตรียมลงวันและทำท้องของคุณให้ว่างเลย เพราะนี่คือ 10 ร้านที่คุณห้ามพลาด จะมีร้านอะไรบ้าง ต้องไปเก็บให้ครบครับ!
1. มหาสาร : ร้านเนื้อเล็ก ๆ แต่อร่อยมหาสาร
สถานที่ : ถนนเจริญกรุง ใกล้ ๆ แยกตรอกจันทร์
ราคา : จานละ 200 – 500 บาท
ร้านที่สายเนื้อไม่ควรพลาด! ร้านเล็ก ๆ บรรยากาศอบอุ่น พร้อมเมนูเรียบ ๆ ไม่หวือหวา แต่ไฮไลท์เนื้อสัญชาติไทยที่ย่างบนเตาถ่านได้อย่างดีเยี่ยม ได้ครบทุกรสสัมผัสของเนื้อ เมนูเด็ดคือข้าวหน้าเนื้อสไตล์พิคาน่าใช้เนื้อที่มีความเหนียวเล็กน้อยแล่บาง ๆ อร่อยเด็ด หรือเนื้อน่องลายที่มีเอ็นแทรกเอาไปตุ๋นจนแทบจะละลายในปาก ทานคู่น้ำจิ้มแจ่วสุดแซ่บถูกใจคนไทย
ด้วยความที่คุณภาพคับจานในราคาคุ้มค่า และร้านมีแค่ 4 โต๊ะเท่านั้น ทำให้คิวจองยาวเหยียด แนะนำให้ติดตามทางหน้าเฟซบุ๊กของร้าน เพราะช่องทางการจองสามารถทำได้หลายทางทั้งเบอร์โทรศัพท์และอีเมล บางครั้งช่วงเวลาเปิดจองก็จำกัดด้วย ใครอยากลิ้มลองต้องหูตาไวหน่อยนะครับ!
2. Gaggan : อาหารอินเดียร่วมสมัยสะท้านโลก
สถานที่ : ถนนเพลินจิต ซอยหลังสวน สามารถเดินหรือต่อมอเตอร์ไซต์จาก BTS ชิดลม
ราคา : คอร์ส Summer 2019 8,000++ บาท คอร์ส Testing Portion 4,000++ บาท
ขึ้นแท่นร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียถึง 4 ปีซ้อน และได้ดาวมิชลิน 2 ดวง Gaggan คือหนึ่งในสุดยอดร้านอาหารระดับโลกที่นำเสนอความเป็นเลิศของอาหารอินเดีย โดยใช้วัตถุดิบชั้นดีจากประเทศไทย และเทคนิคการทำอาหารที่ละเอียดอ่อนของยุโรป ที่เต็มไปด้วยลูกเล่นร่วมสมัยให้ได้ตื่นตาตื่นใจ ตั้งแต่ชื่อเมนูที่ทำเป็นรูปอีโมจิ มีถึง 25 คอร์ส มาเป็นคำ ๆ ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน บางคอร์สให้ใช้ลิ้นเลียความอร่อยจากจาน บางคอร์สเสิร์ฟในขวดนมเด็ก สร้างประสบการณ์ใหม่ที่ทั้งสนุก และอร่อยเลิศ
ด้วยชื่อเสียงที่ไม่เป็นสองรองใครทำให้เป็นร้านที่จองยากมาก! และยังมีข่าวว่าร้าน Gaggan จะปิดทำการในปี 2020 ไปตั้งร้านใหม่ที่ญี่ปุ่น ยิ่งทำให้จองยากเข้าไปใหญ่ ซึ่งช่องทางการจองที่ง่ายที่สุดคืออีเมล สามารถทิ้งข้อมูลการจองของคุณไว้ได้ในหน้าเว็บ แนะนำว่าไม่ต้องระบุวันเวลาจองที่แน่นอนแต่ให้ทางร้านจัดการให้ อาจทำให้มีโอกาสได้โต๊ะเร็วขึ้นครับ!
3. ศรณ์ : อาหารใต้ สู่โต๊ะ Fine Dining
สถานที่ : สุดซอยสุขุมวิท 26
ราคา : คอร์สละ 2,700 บาท
เป็นการยกระดับอาหารใต้แท้ ๆ มาไว้ในร้านอาหารหรู ด้วยความที่เจ้าของร้านเป็นคนใต้จึงเปิดร้าน ศรณ์ ขึ้นมาจาก passion ใช้วัตถุท้องถิ่นคุณภาพจากใต้ทั้งหมด เพื่อให้ได้รสชาติแบบใต้แท้ ๆ ตั้งแต่แกงไตปลาที่ใช้เนื้อปลาทูน่าจากภูเก็ตมาเคี่ยวกับพริกแกงเผ็ดร้อนจนเข้าเนื้อ และเนื้อกอ และเสิร์ฟบนเตาปิ้งดินเผาแบบฉบับของคนพัทลุงแท้ ๆ ให้ทุกคนได้อร่อยทั้งสิ้น 22 เมนู ที่โชว์ว่าอาหารไทยไม่เป็นรองชาติใดในโลกทั้งนั้น!
มีไม่กี่ร้านที่กล้านำเสนออาหารไทยใต้ในรูปแบบที่เป็น Fine Dining ทำให้คนแน่นมาก ควรเช็กในเฟซบุ๊กของร้านก่อนจองว่าทั้งเดือนร้านเต็มหรือยัง หากเต็มแล้วเดือนหน้าค่อยโทรไปจองใหม่อีกทีนะครับ
4. Sushi Masato : ซูชิโอมากาเสะระดับตำนาน
สถานที่ : ซอยสวัสดี 1 เดินจาก BTS พร้อมพงศ์ไม่เกิน 10 นาที
ราคา : คอร์สละ 4,000++ บาท
โอมากาเสะ แปลตรงตัวมาจากคำว่า ‘ตามใจเชฟ’ เมนูอาหารจึงจะเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อย ๆ ตามฤดูกาล แต่สิ่งที่มั่นใจได้เลยคือคุณภาพแบบจัดเต็ม การันตีด้วยเชฟซูชิชั้นเซียนมิชลิน 1 ดาว ที่บินมาไกลจากมหานครนิวยอร์ก เสิร์ฟซูชิหลากหลายจัดเรียงลำดับมาได้อย่างสมดุล ตั้งแต่ Otora (ท้องปลาทูน่า) เนื้อแดงแทรกมันสุดพรีเมี่ยม ไปจนถึง Uni (ไข่หอยเม่น) คำโตหวานมัน ทานบนเคาน์เตอร์ไม้เรียบหรูที่สามารถเห็นลีลาการลงมีดของ
มาสเตอร์เชฟอย่างใกล้ชิด
Sushi Masato เป็นหนึ่งในโอมากาเสะที่จองยากที่สุด โดยรอบการจองจะถูกแบ่งเป็นแต่ละเดือน การรับจองเริ่มขึ้นทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน หากจองเดือนนี้จะได้ทานเดือนหน้าครับ ซึ่งหากอยากได้ที่นั่งเคาน์เตอร์จะจองยากกว่าโต๊ะธรรมดาครับ สามารถจองผ่านอีเมลและเบอร์โทรศัพท์
5. อันจะกินวิลล่า : ทำจากใจ เสิร์ฟวันละโต๊ะ
สถานที่ : อ. หางดง จ. เชียงใหม่
ราคา : หัวละประมาณ 850 บาท (จองได้ไม่เกินครั้งละ 10 คน)
เป็นร้านที่ตั้งมาจากใจรักในการทำอาหารของคุณก้อย ผู้เคยเปิดร้านอาหารที่กรุงเทพฯ ก่อนจะผันตัวมาสร้างบ้านและทำเป็นร้านแบบ Chef Table ที่
เชียงใหม่ บรรยากาศสบาย ๆ เหมือนมาฉลองกันที่บ้านเพื่อนอบอุ่นเป็นกันเอง ด้วยอาหารฝรั่งจานยักษ์ทั้ง 6 คอร์ส มีให้ทานครบทั้งสลัด เนื้อแกะที่เคี่ยวจนเปื่อย พาสต้าเส้นสด และตบท้ายด้วยขนมหวาน ทำจากวัตถุดิบชั้นดีตามฤดูกาล
ใครอยากไปทานอาหารเลิศรส และหัวเราะอารมณ์ดีไปกับคุณก้อย ต้องจองล่วงหน้าเยอะหน่อยนะครับ เพราะร้านรับแขกวันละโต๊ะและต้องจองผ่านหน้าเฟซบุ๊กหรือโทรไปเท่านั้น ซึ่งหากโชคดีคุณอาจได้โต๊ะภายใน 2 -3 อาทิตย์
ขอบคุณรูปภาพจากเฟซบุ๊กเพจสำรับสำหรับไทย
6. สำรับสำหรับไทย : อาหารไทยโบราณสุดแนว
สถานที่ : ถ. เจริญกรุง ซ. กุศลสมาคร ใกล้ท่าเรือสี่พระยา
ราคา : คอร์สละ 3,000++ บาท
ก่อตั้งโดยอดีตพ่อครัวใหญ่ของห้องอาหารน้ำระดับมิชลิน 1 ดาว ซึ่งรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ ตั้งร้านอาหารไทยโบราณสุดอินดี้ในตรอกเล็ก ๆ ริมคลอง บางวันทำเป็นข้าวราดแกง บางวันมีดนตรีแจ๊สสดมาเล่น และบางวันก็จะมีการเสิร์ฟอาหารแบบ Kitchen Table ทำกันสด ๆ กินกันจะ ๆ บนโต๊ะครัวเลย ซึ่งเป็นอาหารที่แกะสูตรมาจากตำราข้าวเล่มแรกของไทย รังสรรค์เมนูหาทานยากที่คนไทยส่วนมากไม่เคยได้ยินมาก่อน อย่างน้ำพริกนครบาล หรือขนมหอยนางรม เป็นต้น
เนื่องจากเป็นอาหารที่หาทานยาก และร้านจะเสิร์ฟอาหารแบบเต็มคอร์สแค่ประมาณ 10 ครั้งต่อเดือนเท่านั้น อีกทั้งร้านได้ออกมาประกาศแล้วว่าจะปิดให้บริการร้านรูปแบบ Kitchen Table ไปจนถึงเดือนกันยายนแบบไม่มีการจองล่วงหน้า! จึงเรียกได้ว่าจองยากสุด ๆ ใครอยากทานก็ต้องติดตามในเฟซบุ๊กของร้านอย่างใกล้ชิดว่าจะเปิดจองอีกทีเมื่อไหร่นะครับ!
7. จกโต๊ะเดียว : จีนเหลาจุดประกายตำนานโต๊ะเดียว
สถานที่ : ถ. ยมราชสุขุม ใกล้วัดเล่งเน่ยยี่
ราคา : คนละประมาณ 1,500 – 2,000 บาท
เป็นร้านแนว Chef Table ร้านแรก ๆ ในไทย ก่อนที่แนวร้านโต๊ะเดียวจะเริ่มฮิตขึ้นมา จัดว่าเป็นร้านระดับตำนานที่คนดังเคยมากันเพียบ เป็นอาหารจีนเหลาที่เชฟตระเตรียมด้วยกรรมวิธีดั้งเดิม สไตล์โต๊ะจีนที่นอกจากอร่อยล้ำยังเป็นอาหารมงคล เช่น แปะก๊วยคั่วโรยหอมเจียว ไปจนถึงปลาหิมะทอดราดซอสกลมกล่อม
แม้ว่าจกโต๊ะเดียวตอนนี้จะเพิ่มมาแล้วเป็น 4 โต๊ะ แต่ก็ยังคงความจองยากอยู่เหมือนเดิม โดยจะให้บริการลูกค้าวันละ 2 รอบเท่านั้น ต้องโทรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 – 2 อาทิตย์ พร้อมระบุจำนวนแขกที่จะมาทั้งหมดให้ชัดเจน สามารถรองรับโต๊ะละไม่เกิน 40 คนครับ
ขอบคุณรูปภาพจากเฟซบุ๊กเพจเรือนจรุง
8. เรือนจรุง : อาหารไทยขั้นเทพ อร่อยจนต้องจองข้ามปี
สถานที่ : อ. บางปะอิน จ. พระนครศรีอยุธยา
ราคาขึ้นอยู่กับเมนูที่สั่ง
ใครจะไปเชื่อว่าบ้านทรงไทยหลังกะทัดรัด ตั้งอยู่กลางทุ่งนาเขียวขจี จะเป็นที่ตั้งของร้านอาหารไทยที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ณ ขณะนี้ ด้วยความตรงไปตรงมาของรสชาติแบบไทยพื้นบ้าน จากวัตถุดิบที่หาได้ในจังหวัด สร้างเมนูธรรมดาที่ไม่ธรรมดา! ตั้งแต่สำรับน้ำพริกสองแม่พร้อมปลาทูทอดและผักนานาชนิด ไข่พะโล้รสเด็ดไม่ซ้ำใคร ไปจนถึงกุ้งแม่น้ำตัวเท่าต้นแขน
สามารถจองได้ผ่านไลน์และทางเฟซบุ๊กเท่านั้น เปิดรับแขกวันละ 3 รอบเท่านั้น ซึ่งหากได้คิวแล้วจะต้องสั่งอาหารล่วงหน้า 1 อาทิตย์ แต่ความเหลือเชื่อคือ ด้วยจำนวนลูกค้าที่จองต่อกันเป็นคิวยาวเหยียดทำให้คิวของปีนี้ไปจนถึงปีหน้าเต็มหมด ใครอยากไปกินต้องรอดูในเฟซบุ๊กนะครับว่าทางร้านจะเปิดรับคิวของปี 2021 อีกทีเมื่อไหร่!
9. Red Sky Centara Grand brunch buffet : บุฟเฟต์นานาชาติพรีเมี่ยมเคล้าแชมเปญนุ่มลิ้น
สถานที่ : โรงแรมเซนทารา ติดกับเซ็นทรัลเวิร์ล
ราคา : หัวละ 3,955++ บาท
ใครอยากทาน
บรันช์ท่ามกลางวิว 360 องศาของมหานครกรุงเทพฯ ที่ชั้น 54 ของโรงแรมเซนทารา สัมผัสบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ที่มีไลน์อาหารสุดหรูตระการตา นำเข้ามาจากแหล่งผลิตชั้นนำของโลก ทั้งแคนนาเดี่ยนล็อบสเตอร์ไปจนถึงก้ามปูอลาสก้า อีกทั้งยังมีเนื้อวากิว พร้อมกุ้งมังกรสดหวานเสิร์ฟมาในสไตล์ญี่ปุ่น รับประทานพร้อมกับแชมเปญชั้นดีอย่าง Perrier-Jouët champagne จากประเทศฝรั่งเศส ดื่มคู่กับซีฟู้ดเสริมรสชาติซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี
บรันช์บุฟเฟ่ต์ของเซนทาราเป็นมื้อพิเศษที่ควบมื้อเช้าและมื้อกลางวันเข้าด้วยกัน ซึ่งจัดขึ้นเดือนละครั้งเท่านั้น! (ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน) ฉะนั้นต้องโทรจองหรือติดต่อกับทางร้านโดยตรงทางไลน์ล่วงหน้าอย่างน้อยเดือนหนึ่งถึงจะได้โต๊ะครับ
10. บ้านนวล : อาหารไทยบ้านที่พิถีพิถันทุกรายละเอียด
สถานที่ : ซ. สามเสน 2 ใกล้ท่าพระอาทิตย์
ราคา : จานละประมาณ 100 – 400 บาท
ร้านเป็นทรงไทยโบราณขนาดจิ๋ว ให้ความรู้สึกเหมือนทานข้าวอยู่ใต้ถุนบ้านยายสุด
คลาสสิก เสิร์ฟอาหารไทยบ้านขนานแท้ที่คัดสรรและตระเตรียมมาอย่างดีเพื่อชูรสและจุดเด่นของทุกวัตถุดิบ ตั้งแต่กุ้งผัดมันกุ้งที่ได้สูตรส่งตรงมาจากมหาชัย ไปจนถึงเนื้อปูผัดพริกเหลืองที่ทั้งเผ็ดทั้งเค็มกำลังดี
ด้วยความที่ร้านเล็กมาก มีแค่ 4 – 5 โต๊ะ และรับแขกแค่ 2 รอบต่อวัน ทำให้ต้องจองล่วงหน้าประมาณ 3 – 4 เดือน ซึ่งจะต้องจองผ่าน Direct Message อินสตาแกรมคุณเจ้าของร้านโดยตรงเท่านั้นพร้อมบอกวันเวลาจำนวนคนที่จะมา ซึ่งประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนเวลานัดหมาย เจ้าของร้านสุดอินดี้จะส่งข้อความกลับมาหาคุณหากจองสำเร็จ พร้อมรายชื่อเมนูอาหารให้ได้เลือกทาน เลือกอร่อยกันได้เลยครับ!
ต้องเรียกว่า หากได้ลิ้มลองซักครั้งจะเป็นบุญปากอย่างมาก กับทั้ง 10 ร้านเด็ดนี้ และด้วยช่องทางในการจอง เวลา และความอดทน ขอให้เชื่อมั่นว่าอาหารจานเด็ดเหล่านี้จะต้องตกมาอยู่ในท้องของเราในไม่ช้าอย่างแน่นอน!