ตั้งแต่มีโควิดก็ไม่ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นซะนานเลย อย่างน้อยต้องมี 2-3 ปี แต่วันนี้ญี่ปุ่นเปิดประเทศพร้อมกับให้ฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวชาวไทยเรียบร้อยแล้ว บอกเลยว่าไปรอบนี้ต้องจัดเต็มแน่นอน… แต่จะไปทั้งทีก็ต้องมาบิ้วอารมณ์ซ้อมกินอาหารญี่ปุ่น เปิดต่อมรับรสรอไว้สักหน่อย เผื่อจัดทริปได้ไปเมื่อไหร่จะได้ตามรอยทานอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับได้แบบอิ่มอร่อย
ป๊ะ… ตามไปซ้อมทานอาหารญี่ปุ่นฉบับคนกรุงกันเลย ว่าแต่จะมีร้านเด็ดร้านดังแถวไหนบ้างไปดูกันเลยย~~
ขอขอบคุณรูปภาพจาก khonkheetiew.com
1. Shichi Japanese Restaurant @สยาม
ใครที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นต้องห้ามพลาดร้าน Shichi Japanese Restaurant นอกจากจะให้บริการที่ย่านบางนา ราชพฤกษ์ และอารีย์ ล่าสุดได้เปิดสาขาใหม่ยกเอาความอร่อยสไตล์ญี่ปุ่นแบบพรีเมียมมาปักหมุดกันที่สยามสแควร์ซอย 2 โดยครั้งนี้ปรับคาแรคเตอร์ใหม่ให้สดใสสร้างบรรยากาศชวนให้ชาวสยามได้เอ็นจอยกับมื้ออาหารแถมยังสนุกไปกับการถ่ายรูปด้วย เพราะทางร้านตกแต่งโซนให้คุณได้เซลฟี่กันแบบเต็มอิ่ม
เรื่องความสดใหม่นี่ไม่ต้องห่วงเพราะนำเข้าวัตถุดิบชั้นดีจากตลาดปลาโทโยสุ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ใส่ใจขนาดที่ว่าวัตถุดิบต้องได้มาตรฐานระดับร้านรางวัลมิชลินเท่านั้นเชียวนะ!! สำหรับเมนูอาหารญี่ปุ่นที่ไม่ควรพลาด เช่น Shichi Dynamite สเต็กเนื้อวากิว A5 ที่จะมากินเดี่ยว หรือมากับคนรู้ใจก็ฟินไม่รู้ลืม หรือ Buta Kami Nabe เมนูชาบู
สูตรดั้งเดิมจากญี่ปุ่น ที่เสิร์ฟมาพร้อมน้ำซุบสูตรต้นตำรับ ปิดท้ายด้วยของหวาน Rainbow Bingzoo น้ำแข็งใสสายรุ้งเนื้อเนียนเหมือนเกล็ดหิมะ บอกเลยว่าอันนี้ต้องสั่งเพราะมันฟินมาก
การเดินทาง: ลงรถไฟฟ้าที่สถานีสยาม เดินมาที่ สยามสแควร์ ซอย 2
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน 11.00-22.00 น.
ขอขอบคุณรูปภาพจาก dayself.com
2. Ebisu Sushi @เอกมัย
Ebisu Sushi ร้านอาหารญี่ปุ่นที่จะพาทุกคนนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปในบรรยากาศยุคโชวะ โดยที่ร้านจะแบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างมีทั้งโต๊ะเดี่ยวและโต๊ะกึ่งไพรเวท มีความพิเศษที่เก้าอี้สามารถเปิดเก็บของได้ มากไปกว่านั้นส่วนชั้นบนเป็นที่นั่งแบบนั่งพื้น ด้วยความที่พื้นที่ด้านบนเปิดโล่งเลยทำให้ไม่อึดอัด และบวกกับความใส่ใจในรายละเอียดของการตกแต่งร้าน ทำให้เรารู้สึกว่ากำลังนั่งอยู่ในตรอกเล็ก ๆ ในประเทศญี่ปุ่นอย่างไรอย่างนั้นเลย สำหรับเมนูห้ามพลาดต้องสั่ง เช่น Jumbo Set รวมทีมปลาไหลย่าง แซลมอน หอยเชลล์ญี่ปุ่นเสิร์ฟมาพร้อมกันในเซ็ตนี้เลย หรือใครเป็นสายเนื้อต้องไม่พลาดเมนู ABK48 ที่มาพร้อมกับเมนูเนื้อจากประเทศออสเตรเลียที่เชฟจะปรุงมาให้เราทานถึง 4 สไตล์ไม่ซ้ำกัน ไฮไลท์ของร้านนี้ กุ้งมังกรดองโชยุเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู๊ด หากใครชอบทานอาหารทะเล กุ้งมังกรดองโชยุนี่ล่ะ เวิร์กสุด ๆ
การเดินทาง: ลงรถไฟฟ้าที่สถานีเอกมัย เดินมาที่ เอกมัย ซอย 10
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน 11.00-24.00 น.
ขอขอบคุณรูปภาพจาก jgbthai.com
3. Kobe Tonteki @พร้อมพงษ์
ร้าน Kobe Tonteki จะเสิร์ฟเมนูทงเทกิเป็นหลักกับเซตอาหารญี่ปุ่นจานอร่อยหมวดเทมปุระและย่างถ่าน โลเคชั่นของร้านก็คือดีงามไม่ไหว เพราะอยู่ใจกลางเมืองใกล้ BTS สถานีพร้อมพงษ์ ที่ใครใคร่เลือกแวะมาเติมพลังช่วงพักกลางวัน หรือฝากท้องยามค่ำก่อนกลับบ้าน ก็ได้หมดทั้งนั้นตามใจชอบเลย เรื่องวัตถุดิบและรสชาติไม่ต้องพูดถึงเลยเพราะทางร้านคัดสรรวัตถุดิบสดใหม่ทุกวัน ด้านบรรยากาศก็เป็นกันเองมาก ๆ ฟีลกินข้าวบ้านเพื่อน ขนาด 2 ชั้นจุได้ราว ๆ 50 ที่นั่ง ทั้งหมดคุมโทนด้วยสีสันสบายตา สำหรับเมนูแนะนำ ชุดเซ็ตทงเทกิ เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสมิโซะแดง กะหล่ำปลีฝอยที่เราขอเติมเพิ่มได้ไม่มีอั้น หรือถ้าชอบเมนูทอดก็มี ชุดเซ็ตทงคัตสึหมูสันนอก/สันใน เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มพอนสึสูตรลับของทางร้าน ข้างในมีทั้งหัวไชเท้าและไข่แดง เกรดทานดิบได้ จะกินเดี่ยว ๆ หรือจิ้มซอสเชื่อเถอะ มันฟินจริง ๆ
การเดินทาง: ลงรถไฟฟ้าที่สถานีพร้อมพงษ์ เดินมาที่ สุขุมวิท ซอย 33/1 (ซอยฟูจิ ซูเปอร์)
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน 11.00-21.30 น.
ขอขอบคุณรูปภาพจาก kiji.life
4. Tonkatsu Ageuta @ทองหล่อ
Tonkatsu Ageuta กรอบ และฉ่ำในคำเดียวกับทงคัตสึรสชาติญี่ปุ่นแท้ ๆ ร้านอาหารญี่ปุ่นที่โดดเด่นในเมนูทงคัตสึขนานแท้ทั้งวิธีการปรุง และนำรสชาติต้นตำรับญี่ปุ่นแท้มาให้คนไทยได้สัมผัส ยิ่งไปกว่านั้นนะวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดีแล้ว ทางร้านยังใช้เครื่องทอดที่ทันสมัยอย่าง Dr.Fry-2 ทำให้ทงคัตสึมีความกรอบนอกฉ่ำใน สำหรับใครที่อยากไปฝากท้องไว้ก็สามารถเดินทางได้อย่างง่ายดาย เดินจากรถไฟฟ้า BTS สถานีทองหล่อไม่กี่อึดใจก็ถึงร้านเป็นที่เรียบร้อย สำหรับเมนูที่ต้องสั่งของร้านนี้แนะนำ ชุดข้าวทงคัตสึหมูมารุโตะสันนอก ที่เติมข้าว ซุปมิโซะ และกะหล่ำปลีฝอยได้ไม่อั้น แต่ถ้าใครไม่ถนัดเมนูทอด ๆ สายรักสุขภาพก็มีชุดเสต็กหมูนุ่ม ที่ราดด้วยซอสสูตรลับของร้านให้สั่งกันอีกด้วย
การเดินทาง: ลงรถไฟฟ้าที่ สถานีทองหล่อ เดินมาที่ สุขุมวิท ซอย 55
เวลาเปิด-ปิด: จ.-ศ. 11:00-15:00 น., 17:30-22:30 น., ส.-อา. และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 11:00-22:30 น.
ขอขอบคุณรูปภาพจาก kiji.life
5. Hinata Asoke @อโศก
เอาใจนักเรียน/นักศึกษากันบ้างกับร้านอาหารญี่ปุ่น Hinata Asoke เสิร์ฟคุชิยากิ และคุชิอาเกะราคานักศึกษาเริ่มต้นที่ 20 บาทต่อไม้ หลังเลิกงาน/เลิกเรียนทำงานมาเหนื่อย ๆ ถ้าได้ฝังตัวอยู่ในร้านบรรยากาศเป็นกันเองมีอาหารอร่อยถูกปากให้กินก็คงจะเป็นอะไรที่โอบอุ้มใจบาง ๆ ได้ไม่น้อย และถ้าเป็นไปได้ราคาต้องไม่แรงมากจนอยากจะแวะวันไหนก็ได้ไม่เดือดร้อนกระเป๋าสตางค์
ไม่เพียงจะโดดเด่นเรื่องเมนูคุชิยากิ และคุชิอาเกะ รายการอาหารจานเดี่ยวไปจนถึงเซตที่เสิร์ฟในมื้อกลางวันก็ล้วนอร่อยถูกปากชาวอโศก (ราคาเริ่มต้นที่ 100 บาท) เช่น เมนู Gyu Tan ลิ้นวัวหั่นมาแบบพอดีคำ หรือเมนู Buta Kimuchi ก็เข้ากันเพราะกิมจิที่ปรุงมาครบรส กินได้แบบไม่เลี่ยน และที่ต้องส่งมินิฮาร์ทให้ร้านเลยคือร้านไม่เก็บเซอร์วิสชาร์จเพิ่มหนำซ้ำยังเติมความเป็นกันเองให้กับลูกค้าทุกโต๊ะแถมเป็นโบนัสอีกด้วย เรื่องขนาดพื้นที่ก็ไม่ได้ถึงกับกะทัดรัดเพราะรับรองลูกค้าได้กว่า 50 ที่นั่งเลย ตัวร้านมี 2 ชั้น ทั้งตกแต่งได้อารมณ์ญี่ปุ่นแบบสุด ๆ รับรองว่าหายเหนื่อยแน่นอน
การเดินทาง: ลงรถไฟฟ้าที่สถานีอโศก เดินมาที่ สุขุมวิท ซอย 21
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน 11.30-22.00 น.
ของคาวแล้วก็ต้องปิดท้ายกันด้วยของหวานสิถึงจะถูกต้อง
ขอขอบคุณรูปภาพจาก food.trueid.net
6. Wabicha @สามย่าน
คาเฟ่ญี่ปุ่นที่ตกแต่งในร้านเหมือนอยู่ในคาเฟ่ประเทศญี่ปุ่นจริง ๆ ไม่ว่าลักษณะโต๊ะเก้าอี้ ฉากกั้น หรือโทนสีภายในร้าน นั่งจิบชาทานขนมชิว ๆ ในบรรยากาศอบอุ่นผ่อนคลายแบบฉบับญี่ปุ๊นญี่ปุ่น และแน่นอนว่าเป็นคาเฟ่ญี่ปุ่นทั้งทีก็ต้องนำเข้าขนม และวัตถุดิบคุณภาพดีมาจากญี่ปุ่นให้ชาวไทยได้ลิ้มลองรสชาติแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ มีแบบเซตคู่กับชาด้วย
อีกทั้งยังมีขนมนำเข้าจากญี่ปุ่นมากกว่า 30 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นมัทฉะชีสเค้กรสเข้ม โมจินุ่ม ๆ ไอศกรีมชาเขียวและโฮจิฉะ มันจูหอม ๆ และขนมสไตล์ญี่ปุ่นแท้อีกมากมาย นอกจากขนมญี่ปุ่นแล้วยังมีโรลเค้ก ชีสเค้ก บามคูเฮน เครปครีมสด และอื่น ๆ ที่ชอบเป็นพิเศษคือสไตล์การตกแต่งจานสวยดูพรีเมี่ยมมาก ๆ สายคาเฟ่ สายหวานถ้าอยากไป ก็ตามรอยไปซ้อมจิบชาเขียวได้ที่ สาขาสวนหลวงสแควร์ สามย่าน
การเดินทาง: ลงรถไฟฟ้าที่สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ เดินมาที่ ซอย จุฬาลงกรณ์ 16
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน 11.00-21.30 น.
เป็นยังไงกันบ้างทั้งไปซ้อมทาน
อาหารญี่ปุ่นซ้อมจิบชากันมา แต่เห็นร้านอร่อยเยอะแบบนี้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะพกเงินสดมาไม่พอ ร้านไหนรับจ่ายด้วย QR Code แอปฯ
KMA (Krungsri Mobile App) ก็มีบริการ “Scan to Pay” หมดห่วงได้ กินเยอะแค่ไหน ก็โอนจ่ายจบในแอปฯ นี้อันเดียว หากใครชอบไกด์พาอร่อยแบบนี้ อย่าเก็บไว้คนเดียว แชร์ต่อไปให้เพื่อนร่วมทริปในอนาคต ให้ฟินไปด้วยกันได้เล้ย~