ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาในปัจจุบัน ราคาข้าวของที่เพิ่มขึ้นเป็นว่าเล่น การรัดเข็มขัด จัดระเบียบการใช้จ่าย ถือเป็นเรื่องที่ควรทำและสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการ
ช้อปปิ้งของกินของใช้ในบ้านให้ประหยัดและคุ้มค่ากับเงินในกระเป๋ามากที่สุด ซึ่งจะทำอย่างไร ไปดูขั้นตอนและเทคนิคต่าง ๆ กันได้เลย
STEP 1 : วางแผนค่าใช้จ่าย กำหนดงบประมาณ
แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ไม่ได้มีแค่ของกินของใช้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าโทรศัพท์, ค่าผ่อนบ้าน, ค่าผ่อนรถ และอื่น ๆ อีกมากมาย จึงต้องวางแผนรายรับรายจ่ายให้ดี กำหนดงบประมาณที่เหมาะสม โดยส่วนมากจะแบ่งไว้สำหรับช้อปของกินของใช้เพียง 15 - 20% เท่านั้น เช่น เงินเดือน 15,000 บาท จะแบ่งไว้สำหรับช้อปของกินของใช้ในชีวิตประจำวัน 2,250 – 3,000 บาท เป็นต้น และที่สำคัญเมื่อกำหนดงบประมาณแล้ว ควรบริหารให้เพียงพอ เพื่อไม่ให้กระทบกับค่าใช้จ่ายในส่วนอื่น
STEP 2 : จดรายการก่อนไปซื้อทุกครั้ง
เพราะการช้อปปิ้งแบบสุ่มสี่สุ่มห้า คิดไปช้อปไป โดยไม่ผ่านการวางแผนมาก่อน มีโอกาสสูงที่เราจะซื้อของที่ไม่จำเป็นติดไม้ติดมือกลับมา หรือซื้อของไม่ครบตามจำนวนที่ต้องการ ซึ่งส่งผลต่องบประมาณที่วางเอาไว้ ทำให้เกิดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ไม่คุ้มค่า ไม่มีประสิทธิภาพ แถมอาจจะต้องออกไปช้อปปิ้งอีกหลายรอบ เสียทั้งค่ารถและเวลามากมาย ฉะนั้นก่อนออกไปช้อปปิ้ง ควรเกาให้ถูกที่คัน ด้วยการจดรายการก่อนซื้อทุกครั้ง ประเมินอย่างถี่ถ้วนรอบคอบว่าสิ่งใดขาด สิ่งใดจำเป็นและไม่จำเป็น ไปจนถึงเช็กของที่มีอยู่แล้วสามารถใช้ทดแทนกันได้หรือไม่ เพื่อให้การจับจ่ายใช้สอยแต่ละครั้ง ตรงตามความต้องการ และมีประสิทธิภาพสูงสุด
STEP 3 : เปรียบเทียบราคาก่อนซื้อเสมอ
เมื่อวางแผนจดรายการของกินของใช้ที่ต้องซื้อ เพื่อให้เงินทุกบาททุกสตางค์ถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่า ก็ควรเปรียบเทียบราคาก่อนซื้อเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบระหว่างซูเปอร์มาร์เก็ตแต่ละแห่ง ไปจนถึงการเปรียบเทียบกับ
การช้อปออนไลน์ในแอปฯ อย่าง Lazada, Shopee เอาเป็นว่าเจอที่ไหนถูกกว่าก็ตรงไปที่นั่นเลย จะได้มีเงินเหลือเก็บไว้หยอดกระปุกกัน
STEP 4 : กำหนดวันซื้อของเข้าบ้านที่ชัดเจน
การออกไปช้อปปิ้งที่ซูเปอร์มาร์เก็ต และการช้อปปิ้งออนไลน์แต่ละครั้ง ล้วนมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงอย่างค่าเดินทาง และค่าขนส่งสินค้า จึงควรกำหนดความถี่ให้ดี เช่น ของสดซื้อสัปดาห์ละ 1 ครั้ง, ของใช้จำเป็นซื้อเดือนละ 1 ครั้ง เป็นต้น ซึ่งโดยส่วนมากร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ มักจะจัดโปรโมชั่นลดราคาในวันพุธ เมื่อผ่านขั้นตอนของการเตรียมการวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงในส่วนของเทคนิคในการเลือกช้อปกันบ้าง อยากได้ของดีและถูก ห้ามพลาดข้อมูลเหล่านี้เด็ดขาด
TRICK 1 : ของสดควรซื้อตามฤดูกาล
เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้แต่ละชนิด ล้วนเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน ทำให้แต่ละฤดูกาล จะมีวัตถุดิบบางชนิดมากกว่าปกติ และบางชนิดน้อยกว่าปกติ เช่น ทุเรียน – มีมากในฤดูฝน, มะนาว – มีน้อยในฤดูร้อน เป็นต้น แน่นอนว่ายิ่งมีวัตถุดิบมาก ราคาก็ยิ่งถูก และในทางกลับกัน เมื่อมีวัตถุดิบน้อย ราคาก็ยิ่งแพง แถมเสี่ยงต่อสารเคมีที่เร่งการเจริญเติบโตนอกฤดูกาลอีกด้วย ดังนั้นของสดจึงควรซื้อตามฤดูกาล จะได้ของที่ดีและราคาถูกกว่านั่นเอง
TRICK 2 : ของใช้จำเป็นให้ซื้อเป็นแพ็ก
ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อต้องใช้อยู่เป็นประจำ การช้อปแบบรายชิ้น ดูจะไม่คุ้มค่าสักเท่าไหร่ การซื้อเป็นแพ็ก หรือครั้งละมาก ๆ อาจจะได้ราคาที่ถูกกว่าเป็นเท่าตัว เช่น ยาสีฟัน, ยาสระผม, ครีมอาบน้ำ, น้ำมันพืช, น้ำยาล้างจาน, น้ำดื่ม เป็นต้น แต่อย่าลืมคำนวณเรื่องวันหมดอายุกันด้วยนะ บางครั้งซื้อสต๊อกไว้ แต่กว่าจะใช้หมด อาจจะหมดอายุซะก่อน กลายเป็นขาดทุน จนต้องซื้อเพิ่มก็มี
TRICK 3 : เสื้อผ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าควรซื้อนอกฤดูกาล
เมื่อของสดต้องซื้อตามฤดูกาล ในทางกลับกันเสื้อผ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้า กลับไม่ควรซื้อตามฤดูกาลเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากบางฤดูกาลจะช่วยส่งเสริมให้สินค้าดังกล่าวมีความต้องการซื้อที่สูงขึ้น ทำให้ราคาก็ยิ่งแพง แถมไม่มีโปรโมชั่นลดราคาอีกด้วย เช่น เสื้อกันหนาว ราคาแพงในฤดูหนาว, เครื่องปรับอากาศ ราคาแพงในฤดูร้อน, เครื่องฟอกอากาศ ราคาแพงในช่วงต้นปี เป็นต้น แต่เมื่อถึงฤดูกาลที่ความต้องการซื้อลดลง ราคาของสินค้าก็จะลดลง พร้อมโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมกระหน่ำ เช่น ฤดูร้อน ก็คงไม่มีใครใส่เสื้อกันหนาว ร้านเสื้อผ้าก็มักจะขายลดล้างสต๊อก หรือฤดูหนาว คนเปิดเครื่องปรับอากาศน้อยลง ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าก็มีจะโปรโมชั่นมาเสนอมากมาย ดังนั้นสินค้าเหล่านี้ควรวางแผนซื้อล่วงหน้า จะได้ราคาที่ถูกกว่าเป็นเท่าตัว
TRICK 4 : สมัครสมาชิกรับสิทธิพิเศษ
เมื่อซูเปอร์มาร์เก็ตต้องการข้อมูลการซื้อของใช้ต่าง ๆ ของสมาชิกแต่ละคนไว้ตรวจสอบสินค้าที่เป็นที่นิยม ก็มักจะเปิดบริการให้สมัครบัตรสมาชิกเพื่อเก็บข้อมูล แต่การจะได้มาซึ่งข้อมูลก็ต้องแลกกับการมอบโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษบางอย่างให้กับสมาชิกด้วย ดังนั้นหากใช้บริการซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งใดเป็นประจำ ก็ควรสมัครสมาชิกไว้ อย่างน้อยอาจจะได้สะสมแต้ม หรือส่วนลดไว้ประหยัดเงินในกระเป๋าอีกแรง
TRICK 5 : ช้อปด้วยบัตรเครดิตจะได้มีแต้มสะสม
แม้การชำระเงินด้วยบัตรเครดิต จะเหมือนเป็นการนำเงินล่วงหน้าออกมาใช้ แต่หากเรากำหนดงบประมาณ และกันเงินสดส่วนดังกล่าวแยกไว้ต่างหาก การใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าจะมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด เพราะนอกจากจะได้แต้มสะสมที่สามารถนำไปแลกสินค้าและบริการ รวมถึงส่วนลดแล้ว ยังมีโปรโมชั่นพิเศษที่พ่วงกับซูเปอร์มาร์เก็ตอีกมากมายไว้ เช่น ซื้อ 1 แถม 1 เฉพาะสมาชิกบัตรเครดิต เป็นต้น ดังนั้นใครที่ใช้จ่ายซื้อของเป็นประจำ อย่าลืมทำบัตรเครดิตเป็นทางเลือกไว้ก็ไม่เสียหาย
สุดท้ายเคล็ดลับของการช้อปของกินของใช้ให้ได้ราคาถูกและดี ล้วนมาจากการวางแผนล่วงหน้าทั้งสิ้น ดังนั้นในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังซบเซา ต้องหมั่นวางแผนให้ติดเป็นนิสัยด้วยนะ
ที่มา :