อีกหนึ่งปัญหาของคนทำงาน หรือน้อง ๆ นักเรียนในช่วง Work From Home ที่ผ่านมานอกจากภาวะความเครียด คือพวกเรามี
น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างไม่ทันรู้ตัว นั่นเพราะว่า ตลอดเวลาที่เราต้องนั่งทำงานอยู่หน้าคอม ส่วนใหญ่แทบไม่ได้ลุก หรือขยับตัวไปไหนเลย ต้องนั่งจมอย่างนั้นแทบตลอดวัน ซ้ำร้ายบางคนยุ่งจนต้องเอาอาหารมาทานด้วย ยิ่งเครียดมาก ก็ยิ่งทานมากขึ้น ยิ่งเกิดไขมันส่วนเกินได้ง่าย และในช่วงต้นปีแบบนี้คงถึงเวลาที่เราจะมาลดความอ้วน เพื่อทวงคืนสุขภาพให้กลับมาดีอีกครั้ง
เอาเป็นว่าหากใครที่อยากลดน้ำหนัก พิชิตไขมันตัวร้าย แล้วเอาหุ่นดี ๆ ของตัวเองกลับคืนมาเหมือนเก่า สามารถทำตามได้ด้วย 5 วิธีนี้ แล้วเรื่องการลดน้ำหนักที่ว่ายาก ก็ง่ายได้
1. หยุดตามใจปาก แล้วเลือกอาหารจากคุณภาพ
สำหรับใครหลายคนการได้กินอาหารอร่อย ๆ หรือได้ชาไข่มุกสักแก้วในช่วงบ่ายวันทำงาน คงเป็นอะไรที่ฟินสุด ๆ แต่ถ้าตามใจตัวเองมากไปอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นแบบไม่รู้ตัว ลองเปลี่ยนมาทานอาหารแบบพอดี ๆ ส่วนของที่เรากินอยู่แล้วให้ลองปรับสูตรดูบ้าง เช่น ชาไข่มุกอาจเลือกน้ำตาลจากหญ้าหวาน ตัวไข่มุกเลือกเป็นแบบวุ้นบุก เพื่อลดแป้ง ลดความหวาน ถ้าเป็นของทอดอาจนำมาใส่หม้ออบลมร้อน เพื่อรีดน้ำมันจากของทอดออกมาให้อาหารลีนที่สุด แบบนี้จะช่วย
ลดไขมันได้เยอะเลย
เพียงเริ่มเปลี่ยนมาทานอาหารที่เน้นคุณภาพมาก เข้าใจว่ามันยากเพราะเราเคยชินกับรสชาติอาหารเหล่านั้น แต่ถ้าอยาก
ลดความอ้วน เราต้องห้ามใจตัวเองให้ได้ ผลลัพธ์นอกจากน้ำหนักลดน้อยลง การหยุดกินอาหารตามใจปากยังช่วยให้เราลดโอกาสเสี่ยงการเป็นโรคไขมันพอกตับอีกด้วย แล้วความผอมจะกลับมาหาเรา
2. ขยับตัวบ่อย ๆ ช่วยให้ไขมันสลาย
หากว่าเราอยู่ในที่ทำงาน หรือการได้ไปมหาวิทยาลัย เราต้องมีกิจกรรมให้ขยับตัวบ่อยกว่าการนั่งแช่อยู่กับที่ แต่พอต้องอยู่บ้านทำงาน หรือเรียนออนไลน์ก็ไม่ค่อยได้ลุกไปไหน หรือบางคนทำทุกอย่างบนเตียงก็มี หากใครยังทำแบบนี้อย่ามองข้ามเด็ดขาด เพราะนี่เป็นสาเหตุหลักทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานได้ลดลง ผลตามมาคือเกิดไขมัน แล้วน้ำหนักก็เพิ่มขึ้นได้อย่างชัดเจน ทางแก้สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่ตั้งนาฬิกาแจ้งเตือนทุก 45 นาที เพื่อลุกขึ้นมาขยับร่างกาย สะบัดข้อมือเบา ๆ หรือแวะเดินไปผ่อนคลายตามจุดต่าง ๆ ในบ้าน หรือที่ทำงาน เพื่อขับไล่ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน ๆ ของแถมนอกจากการยืดเส้นจะช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญให้กลับมาเป็นปกติ ยังช่วยให้ร่างกายตื่นตัวพร้อมทำงานต่อ แบบไม่มีความง่วงอีกด้วย รู้แบบนี้แล้ว ลุกขึ้นมาขยับกันดีกว่า
3. ปรับพฤติกรรมการนอน ให้เป็นเวลา
นอกจากเรื่องของการกินที่หลายคนเสพติดของอร่อย ๆ อ้วน ๆ การนอนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดความอ้วน เพราะช่วง Work From Home ทำให้วินัยของการพักผ่อนหายไปเพราะไม่ต้องรีบตื่นเช้า นอนดึกแค่ไหนก็ได้ จุดนี้เองทำให้เราเริ่มทานอาหารไม่เป็นเวลา นอนดึก กินได้ทุกช่วงเวลา ทำให้สุขภาพพัง น้ำหนักพุ่งพรวด เมื่อกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ บางคนยังใช้ชีวิตแบบเดิมอยู่ ยังนอนดึกแต่ต้องตื่นเช้าในทุก ๆ วัน เป็นแบบนี้ร่างกายก็พักผ่อนไม่เพียงพอ ระหว่างวันจะมีอาการหิวบ่อย ๆ ต้องเผลอกินมื้อจุกจิกมากกว่าเดิม เอาเป็นว่าถ้าอยากฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ หยุดอาการหิวระหว่างวัน เราต้องปรับช่วงเวลาการนอน ไม่ควรนอนเกินเที่ยงคืน และนอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมง เท่านี้เมื่อร่างกายเป็นปกติ ไม่หิวบ่อย ก็ลดมื้ออาหารที่ไม่จำเป็นออกไป ไขมันตัวร้ายก็ไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มแล้ว
4. ออกกำลังกาย วันละ 30 นาทีก็ยังดี
วิธีที่ง่าย และเห็นผลไวในการเอาชนะไขมันคือการลุกขึ้นมาออกกำลังกายนี่ล่ะ แต่เรื่องง่าย ๆ แบบนี้หลายคนยังคิดว่ามันยากด้วยสารพัดข้ออ้างไม่ว่าจะเป็น เหนื่อยจากการทำงาน ไม่มีเวลา หรือไม่มีเงินไป
ฟิตเนส การที่จะ
ออกกำลังกายเริ่มต้นได้เลยไม่ต้องเสียเงิน เริ่มต้นโดยการสวมรองเท้าผ้าใบ แล้วเริ่มเดิน เดินธรรมดาไปเรื่อย ๆ แถวบ้านของเรา อย่างน้อยวันละ 30-45 นาที เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญ พอร่างกายคุ้นชินการออกกำลังกายแล้วค่อยขยับไปที่การวิ่ง หรือการทำเวทเทรนนิ่ง โดยเราต้องบังคับตัวเองให้ลุกมาออกกำลังกายให้ได้ ใช้ช่วงที่เลิกงานทำแบบนี้ติดต่อกันลองเช็กผลภายใน 1 เดือน น้ำหนักที่เคยเยอะ ต้องลดลงมาบ้าง หากทำแบบนี้จนติดเป็นนิสัย เราจะหันกลับมารักการออกกำลังกายจนขาดไม่ได้แม้แต่วันเดียว ไขมันตัวร้ายที่ว่าแน่ การออกกำลังกายช่วยเราได้อย่างแน่นอน
5. หันมาทำอาหารลดความอ้วน น้ำหนักเยอะแค่ไหนก็คุมได้
สำหรับคนที่ไม่มีเวลาคงเลือกใช้บริการเดลิเวอรี่แทนเพราะมันสะดวก แถมไม่ต้องเหนื่อย แต่เราไม่รู้เลยว่าร้านอาหารที่เราสั่งมีการใช้น้ำมันในการทำอาหารแต่ละครั้งมากแค่ไหน เพราะสาเหตุของน้ำหนักที่เพิ่มมักมาจากอาหารทอด ๆ มัน ๆ แต่ถ้าเราสามารถเปลี่ยนมาทำอาหารลดความอ้วนเองได้โดยการลดการใช้น้ำมันขวดแล้วไปใช้น้ำมันจากตัววัตถุดิบเอง เช่น หมู หรือไก่ และเพื่อให้อาหารในมื้อนี้ช่วยลดน้ำหนักดีมากขึ้น เพิ่มเติมผักที่มีแป้งน้อย ๆ เช่น หน่อไม้ฝรั่ง หรือปวยเล้ง เข้ามาเสริมความอร่อย และลดปริมาณอาหารประเภทที่มีน้ำตาล หรือไขมันสูง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ หรือน้ำหวานต่าง ๆ ถ้าเปลี่ยนวิถีชีวิตการกินอาหารได้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าเหนียง หรือไขมันต่าง ๆ จะกลับมาได้อีก
จะเห็นได้ว่าการลดความอ้วนนั้นส่วนใหญ่ต้องอาศัยเรื่องของการปรับวิถีชีวิตของตัวเราเอง น้ำหนักจะเพิ่มหรือลดขึ้นอยู่กับจิตใจของเราแข็งแกร่งแค่ไหน ถ้าล้มเลิกความตั้งใจ ทิ้งเรื่องของการลดความอ้วนไว้กลางทาง ผลสุดท้ายเราเองก็อาจกลับมาอ้วน และมีสุขภาพที่เสียโดยแก้ไขไม่ได้ แต่ถ้าหากเราทำได้จนสำเร็จ คราวนี้จะผ่านไปอีกกี่ปี เราก็สามารถใส่เสื้อผ้าชุดเดิมได้เรื่อย ๆ