การสมรสครั้งแรกของโลกและเบื้องหลังการแต่งงานที่ไม่ค่อยจะโรแมนติกเท่าไรนัก

การสมรสครั้งแรกของโลกและเบื้องหลังการแต่งงานที่ไม่ค่อยจะโรแมนติกเท่าไรนัก

By จูนจูน พัชชา เฮงษฎีกุล
ก่อนที่การสมรสจะกลายมาเป็นเรื่องราวของ “ความรัก” คำมั่นสัญญาที่จะครองรักกันของคนสองคน การสมรสหรือการแต่งงานในยุคแรก ๆ กลับไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเฉลิมฉลองความรักเลยด้วยซ้ำ แต่การสมรสกลับมีขึ้นเพื่อความสะดวกในการจัดระเบียบสังคมและการจัดระบบชนชั้นเท่านั้น...(ไม่โรแมนติกแบบที่คิดเลยสักนิด)
หลักฐานของการสมรสครั้งแรกระหว่างชายและหญิงถูกบันทึกไว้เกิดขึ้นในช่วงปี 2350 ปีก่อนคริสตกาลในยุคเมโสโปเตเมีย โดยการสมรสนั้นมีขึ้นเพื่อช่วยการันตีว่าเมื่อชายและหญิงคู่นั้นมีลูก ลูกที่เกิดมาจะกลายเป็นทายาทโดยชอบธรรมทันที และมีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ของพ่อแม่ เช่น ที่ดิน เป็นต้น การแต่งงานในยุคนั้นจึงถือเป็นส่วนที่สำคัญมากในระบบสังคม เพราะมันเป็นตัวกำหนดเชื้อสายของครอบครัวให้ชัดเจนขึ้น และช่วยสร้างความมั่นคงทางสถานะทางสังคมให้กับกลุ่มคนนั้น ๆ
การสมรสครั้งแรกของโลกและเบื้องหลังการแต่งงานที่ไม่ค่อยจะโรแมนติกเท่าไรนัก
เฮอโรโดทัส (Herodotos หรือ Herodotus) นักประวัติศาสตร์ชาวกรีกเคยระบุเอาไว้ว่าผู้หญิงโสดจะถูกขายให้กับผู้ชายที่ต้องการแต่งงานด้วยผ่านการประมูล! ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “Bridal Auctions” โดยชายผู้ที่ประมูลให้ราคาสูงที่สุดก็จะได้ผู้หญิงคนนั้นไปครอง และตกเป็นทรัพย์สินของฝ่ายชายทันที โดยเงินที่ได้ก็จะกลายเป็นของพ่อของฝ่ายหญิงนั่นเอง

หากใครเคยเห็นผลงานศิลปะปี 1875 ของ Edwin Long ที่มีชื่อว่า Babylonian Marriage Market ก็น่าจะพอนึกภาพออกได้บ้าง เพราะในภาพเล่าถึงการประมูลเจ้าสาวในยุคเมโสโปเตเมียได้อย่างชัดเจน แต่ละหมู่บ้านจะจัดงานขึ้นปีละหนึ่งครั้ง เพื่อพาหญิงสาวที่พร้อมเข้าประตูวิวาห์มารวมกันในที่เดียว และให้ผู้ชายในหมู่บ้านยืนล้อมพวกเธอเป็นวงกลม โดยนายพิธีจะเป็นคนประกาศ เรียกหญิงสาวเหล่านั้นขึ้นมาทีละคน และจะเริ่มจากคนที่หญิงสาวที่สวยสุดในหมู่บ้าน และส่วนใหญ่แล้วผู้ชายที่มีฐานะร่ำรวยที่สุดในหมู่ชาวบาบิโลเนีย ก็จะแย่งกันประมูลจนได้หญิงสาวที่สวยที่สุดไป ในขณะที่ชาวบ้านทั่วไปที่ไม่ซีเรียสกับรูปลักษณ์นัก แต่จำเป็นจะต้องแต่งงานเพื่อคงสถานะทางสังคมและสืบทอดตระกูลของตัวเองไว้ ก็จะได้แต่งงานกับหญิงสาวที่เหลือแถมยังได้ค่าตอบแทนเป็นเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย
การสมรสครั้งแรกของโลกและเบื้องหลังการแต่งงานที่ไม่ค่อยจะโรแมนติกเท่าไรนัก
ถึงแม้การจับคู่จะเกิดขึ้นแล้ว แต่การสมรสก็จะยังไม่สมบูรณ์จนกว่าจะมีการจัดงานแต่งงาน ที่น่าสนใจคืองานแต่งงานในยุคเมโสโปเตเมียก็มีความคล้ายคลึงกับงานแต่งงานในปัจจุบันอยู่บ้าง นั่นคือมีขั้นตอนการเซ็นสัญญาการหมั้นหมายและการสมรส (คล้าย ๆ กับการจดทะเบียนสมรสในปัจจุบัน) มีพิธีเฉลิมฉลอง มีการจ่ายเงินให้กับทั้งครอบครัวของฝ่ายหญิงและชาย (คล้าย ๆ กับการให้สินสอด) การส่งตัวให้เจ้าสาวย้ายไปอยู่ที่บ้านของครอบครัวฝ่ายชาย แต่ในยุคนั้นมีการบังคับให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวมีเซ็กส์กันทันทีหลังแต่งงานด้วย หากคู่บ่าวสาวทำไม่ครบขั้นตอนเหล่านี้ การสมรสก็จะถือเป็นโมฆะ (เช่น พบว่าเจ้าสาวไม่ได้เป็นเวอร์จิ้น หรือไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ เจ้าบ่าวมีสิทธิ์ส่งคืนตัวเจ้าสาวให้กับครอบครัวของเธอได้ทันที)
การสมรสครั้งแรกของโลกและเบื้องหลังการแต่งงานที่ไม่ค่อยจะโรแมนติกเท่าไรนัก
พิธีแต่งงานในยุคเมโสโปเตเมียไม่ได้มีขั้นตอนสำคัญเหมือนในปัจจุบันในคือการ “สวมแหวน” เพราะการสวมแหวนในพิธีแต่งงานนั้นเริ่มมีหลักฐานปรากฎในยุคอียิปต์โบราณ ซึ่งระบุว่าเหล่าฟาโรห์ใช้ “แหวน” เป็นสัญลักษณ์แทนความเป็นนิรันดร์ ด้วยลักษณะของวงกลม ไม่มีจุดเริ่มและจุดจบ และยังเป็นรูปทรงของพระจันทร์ และพระอาทิตย์ซึ่งชาวอียิปต์บูชาอยู่แล้วด้วย เมื่อ
พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great) พิชิตอียิปต์ได้ ชาวกรีกจึงก๊อปปี้วัฒนธรรมการให้แหวนกับคนรักมาใช้ต่อเพื่อแสดงถึงความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อคู่ของตน แหวนในยุคนั้นมักจะมีสัญลักษณ์ของเทพ Eros และเทพ Cupid ตัวแทนของความรัก หรือเทพเจ้าอื่น ๆ จนมาถึงยุคโรมัน พวกเขาก็สานต่อวัฒนธรรมดังกล่าว และเริ่มใช้เหล็ก กับทองแดง ในการทำแหวนเพื่อใช้ในพิธีสมรสนั่นเอง เจ้าบ่าวบางคนอาจจะให้แหวนที่พ่วงกับกุญแจเล็ก ๆ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของด้วย

ประวัติศาสตร์ของการสมรสและพิธีแต่งงานยังมีรายละเอียดอีกยาวเหยียด เพราะนอกจากเรื่องราวของการแต่งงานจะแตกต่างไปในแต่ละยุคสมัยแล้ว การสมรสยังแตกต่างกันมาก ๆ ในแต่ละพื้นที่และวัฒนธรรมด้วย เพราะในหลายวัฒนธรรม สามีสามารถมีภรรยาหลายคนได้ แต่ในขณะเดียวกันในทิเบตก็มีสิ่งที่เรียกว่า Fraternal Polyandry ที่ให้เจ้าสาวแต่งงานกับเจ้าบ่าวหลายคนที่เป็นพี่ชายน้องชายกันไปเลย (เพื่อให้ลูกที่เกิดมาคงสิทธิ์ในที่ดีนั้น ๆ อย่างเต็มที่)

ถือเป็นความโชคดีที่ในปัจจุบันการสมรสกลายเป็นเรื่องของ “ความรัก” มากขึ้น ในหลาย ๆ พื้นที่ เจ้าบ่าวเจ้าสาวมีสิทธิ์ตัดสินใจเริ่มชีวิตคู่จากความรักที่มีให้กันและกันจริง ๆ โดยไม่ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์อื่น ๆ รวมไปถึงการแต่งงานแบบ Same-Sex Marriage ที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางมากขึ้นด้วย
การสมรสครั้งแรกของโลกและเบื้องหลังการแต่งงานที่ไม่ค่อยจะโรแมนติกเท่าไรนัก
Fun Facts:
  • ปัจจุบันมี 29 ประเทศ ที่มีกฎหมายรองรับการสมรสเพศเดียวกัน เช่น เบลเยี่ยม สเปน แคนาดา เนเธอร์แลนด์ เป็นต้น
  • ในช่วงล็อคดาวน์แบบนี้ บางรัฐสหรัฐอเมริกาเปิดโอกาสให้คู่บ่าวสาวสมรส และจดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกกฎหมายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้แล้ว ทำให้ในรัฐอย่าง New York, Colorado และ Ohio สามารถจัดงานแต่งงานผ่าน Zoom ได้อย่างสมบูรณ์และถูกกฎหมาย!

Credit: The Babylonian Marriage Market, from the painting by Edwin Long, in the Royal Holloway College
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
ลงทะเบียนรับข่าวสาร
บริการส่งข้อมูลความรู้ ให้ลูกค้าธุรกิจผ่านอีเมล์
บริการจัดส่งบทวิเคราะห์และข้อมูลข่าวสารทางธุรกิจผ่านทาง E-mail
  • บทวิเคราะห์เศรษฐกิจรายสัปดาห์จากศูนย์วิจัยกรุงศรี
  • ผลการสำรวจดัชนีภาวะธุรกิจ SME รายไตรมาส โดยกรุงศรี
  • ข่าวสาร และกิจกรรมของธนาคาร
  • บริการทางการเงิน และโปรโมชั่นใหม่ๆ ของธนาคาร
Follow us on
ลงทะเบียนรับข่าวสาร
บริการส่งข้อมูลความรู้ ให้ลูกค้าธุรกิจผ่านอีเมล์
บริการจัดส่งบทวิเคราะห์และข้อมูลข่าวสารทางธุรกิจผ่านทาง E-mail
  • บทวิเคราะห์เศรษฐกิจรายสัปดาห์จากศูนย์วิจัยกรุงศรี
  • ผลการสำรวจดัชนีภาวะธุรกิจ SME รายไตรมาส โดยกรุงศรี
  • ข่าวสาร และกิจกรรมของธนาคาร
  • บริการทางการเงิน และโปรโมชั่นใหม่ๆ ของธนาคาร
Powered by
© 2567 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
Follow