พลิกฟื้นความแห้งแล้งและภัยยาเสพติด ด้วยการเกษตรเพื่อสังคม ผ่านโครงการหลวงดอยคำ
หากจะกล่าวถึงโครงการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นผู้ริเริ่มขึ้น หนึ่งในโครงการที่คนไทยรู้สึกคุ้นเคยและใกล้ชิดที่สุดคงหนีไม่พ้น
"ดอยคำ" ภาพของภูเขาเขียวขจี มีผัก ผลไม้เมืองหนาว และอาหารแปรรูป ซึ่งปลูกโดยชาวเขาในเขตภาคเหนือของประเทศ ได้ถูกบันทึกลงในหัวใจของคนไทยมาเป็นเวลายาวนานหลายทศวรรษ
จุดเริ่มต้นทั้งหมดเกิดขึ้นด้วยพระราชวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงเห็นความทุกข์ยากของประชาชน และทรงพบว่าปัญหาหลักนั้นเกิดจากการปลูกฝิ่น ซึ่งถือเป็นภัยยาเสพติดที่รุนแรงของชาติ เนื่องจากชาวบ้านและชาวเขาไม่มีอาชีพที่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ จึงต้องปลูกฝิ่นขายและทำไร่เลื่อนลอยแทน ดังนี้แล้วจึงพระราชทานแนวพระราชดำริให้จัดตั้ง
“โครงการพระบรมราชานุเคราะห์ชาวเขา” ขึ้น เพื่อสร้างงานและสร้างอาชีพให้กับคนที่อยู่ไกลจากตัวเมือง โดยเฉพาะกลุ่มชาวไร่และชาวเขา โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นการเกษตรที่ยั่งยืนเท่านั้น โดยโครงการนี้สนับสนุนให้ทำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้ทุกคนสามารถยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตนเอง
"ต้นน้ำ" คือ การผลิตพืชผลที่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน และต้องมีประสิทธิภาพที่ดีในการผลิตด้วยเช่นกัน บ้านเมืองเราได้ชื่อว่าสุวรรณภูมิ เพราะเปรียบเสมือนแผ่นดินทองคำที่ปลูกอะไรก็ขึ้น ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบของประเทศเราอยู่แล้ว
"กลางน้ำ" คือการรู้จักสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ขั้นตอนนี้นับเป็นจุดอ่อนของคนไทยมากที่สุด เพราะปัจจุบันคนไทยมักเน้นการผลิตจำนวนมาก เน้นปริมาณให้เยอะ ขายราคาถูก และเน้นส่งออก เมื่อเกิดการแข่งขันหรือราคาพืชผลตกต่ำตามฤดูกาลจึงทำให้เกิดปัญหา หรือในขณะที่เงินไหลเข้าประเทศไทยก็ทำให้ค่าเงินบาทแข็ง และทำให้เราขาดทุนเพิ่มมากขึ้น
และแน่นอนว่าการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้นั้น เราจำเป็นต้องมีโครงการที่สามารถช่วยเหลือด้านการรับซื้อพืชผลในราคาเป็นธรรม แล้วนำไปแปรรูปต่อได้ ซึ่งปัจจุบัน มีโรงงานหลวงที่คอยแปรรูปอาหารในพื้นที่อื่น ๆ รวมทั้งหมด 4 แห่ง คือ
- โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 1 (ฝาง) จ.เชียงใหม่
- โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 2 (แม่จัน) จ.เชียงราย
- โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 (เต่างอย) จ.สกลนคร
- โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 4 (ละหานทราย) จ.บุรีรัมย์
ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะได้รับการดูแลเชิงพาณิชย์ ภายใต้นิติบุคคลในนาม
“บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด” โดยดำเนินงานในรูปแบบของธุรกิจเพื่อสังคม (Social Business) ผ่านตราผลิตภัณฑ์
“ดอยคำ” และนั่นทำให้คนมากมายจดจำได้ จนเรียกกันติดปากว่า
“โครงการหลวงดอยคำ” นั่นเอง
ข้อนี้แสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงเล็งเห็นมูลค่าในการต่อยอดผลิตภัณฑ์เช่นนี้มายาวนาน มิเช่นนั้น การปลูกมะเขือเทศก็คงเป็นเพียงการปลูกเพื่อขายเท่านั้น แต่การแปรรูปเป็นน้ำมะเขือเทศดอยคำกลับสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้อย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของการที่จำหน่ายสินค้าเกษตรสดยังมีข้อจำกัดมากมาย ทั้งสินค้ามีอายุสั้น การขนส่ง และการควบคุมคุณภาพก่อนถึงมือผู้บริโภคก็ทำได้ยาก ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เกษตรกรและผู้แปรรูปทั้งหลายควรคำนึงถึง
มาถึงข้อสุดท้าย
"ปลายน้ำ" คือการส่งของให้ถึงมือผู้บริโภคโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางหรือผ่านให้น้อยที่สุด เพราะอย่างที่เราทราบกันว่า พ่อค้าคนกลางเป็นคนที่เก็บกำไรไว้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ในยุคที่อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ การส่งของถึงมือผู้บริโภคจึงเป็นเรื่องง่ายขึ้น ซึ่งปัจจุบันโครงการดอยคำมีการพัฒนาเรื่องช่องทางออนไลน์อยู่เสมอ และดอยคำก็มีแผนบุกตลาดต่างประเทศเช่นกัน ถือเป็นโอกาสทางการค้าที่น่าสนใจไม่น้อย
ปัจจุบันสินค้าของ
“ดอยคำ” ได้มีการแตกประเภทการผลิตออกไปอย่างหลากหลายมากขึ้น จากเครื่องดื่ม อาทิ น้ำผักและน้ำผลไม้ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ปัจจุบันดอยคำมีสินค้าเพื่อสุขภาพ สินค้าเกษตรอินทรีย์ และสินค้าแปรรูปต่าง ๆ จากโครงการหลวงมากมาย ทั้งผลไม้อบแห้ง, น้ำผึ้ง, นมถั่วเหลือง, สมุนไพรแห้ง, ผลิตภัณฑ์ทาขนมปัง, น้ำผลไม้เข้มข้น ข้าวกล้อง และผลไม้ในน้ำเชื่อม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น
สินค้าของดอยคำนั้น มีการพัฒนาเพื่อตอบรับกับวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนอย่างต่อเนื่อง เช่น สินค้าที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังต้องการลดน้ำหนักหรือมีอาการโรคเบาหวาน คือ
“เครื่องดื่มเจียวกู้หลานและดอกคำฝอยผสมสารสกัดจากใยหญ้าหวาน” ซึ่งมีรสชาติคล้ายเก๊กฮวย ให้กลิ่นที่แตกต่าง แต่มีรสชาติอร่อยไม่แพ้กัน และการใส่หญ้าหวานแทนน้ำตาลนั้น ก็ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้เป็นทางเลือกของคนรักสุขภาพอย่างแท้จริง
อีกผลิตภัณฑ์หนึ่งที่เหมาะกับช่วงเวลาที่เร่งรีบยามเช้าคือ
“แยมมัลเบอร์รี (มัลเบอร์รีทาขนมปัง ดอยคำ)” หรือ
“แยมกลีบกุหลาบ (ผลิตภัณฑ์ทาขนมปังกลีบกุหลาบ)” ที่มีส่วนผสมของกลีบกุหลาบแท้ สามารถนำมาทาขนมปังพร้อมรับประทานได้ทันที ซึ่งสูตรใหม่ได้ทำการลดปริมาณน้ำตาลลง และใช้สารให้ความหวานอย่างแมนนิทอลแทน ทำให้มีแคลอรีต่ำ แต่ยังคงปริมาณผลไม้ในแยมอัดแน่นเช่นเดิม
โครงการหลวงดอยคำ ถือเป็นตัวอย่างของการให้โอกาสกับผู้ที่เคยทนทุกข์จากการปลูกและเสพยาเสพติด สู่การพลิกฟื้นชีวิตให้พวกเขามีอาชีพและมีคุณค่าต่อสังคม ไม่ต่างจากภูเขาฝิ่นและไร่เลื่อนลอยอันแห้งแล้ง ที่กลับมาเขียวขจีและงดงามอีกครั้ง รวมทั้งผลิตภัณฑ์มากมายจากโครงการหลวงดอยคำนั้น ก็มีส่วนช่วยสนับสนุนและพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่เปรียบมิได้ต่อชาวเขาและปวงพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศอย่างแท้จริง
เครดิตภาพ: Doikham