ก่อนจะเข้าถึงเนื้อหาว่าทำไม ชานมไข่มุก กล้วยปั่น ถึงกลายเป็นสินค้ายอดนิยมของญี่ปุ่นในปัจจุบัน ขออนุญาตย้อนอดีตให้เพื่อน ๆ ดูก่อนว่า ที่ผ่านมาญี่ปุ่นเค้าฮิตสินค้าอะไรกันบ้าง ผมจะขออนุญาตยกตัวอย่างตัวที่คนไทยรู้จักกันนะครับ
1977 เครปญี่ปุ่น เครปที่เรารู้จักกันในปัจจุบันดังใน
ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1977 แล้วครับ โดยร้านขนมหวานที่ทำเฉพาะเครปเปิดสาขาแรกที่ถนนทาเคชิตะ แห่งฮาราจูกุ กรุงโตเกียวในปี 1977 แรก ๆ ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ จนกระทั่งในฤดูร้อน ร้านเครปร้านแรกนี้ผุดไอเดียการใส่ไอศกรีมลงไปในเครปด้วย จนทำให้เครปญี่ปุ่นใส่ไอศกรีมกลายเป็นขนมหวานที่มีชื่อเสียงมากขึ้น และมีการนำไปตีพิมพ์ในนิตยสารต่าง ๆ (วัยรุ่นยุคนั้นชอบอ่านนิตยสาร) จนถนนเดียวกันมีร้านเครปผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด และเครปญี่ปุ่นก็กลายเป็นขนมหวานประจำย่านถนนทาเคชิตะ แห่งฮาราจูกุนั่นเอง
1999 ทาร์ตไข่ ทาร์ตไข่โปรตุเกสเป็นเมนูขนมอบที่ขึ้นชื่อที่สุดของประเทศโปรตุเกส จนโด่งดังไปไกลทั่วโลก ช่วงครึ่งหลังของยุค 90s ขนมชนิดนี้เป็นที่แพร่หลายทั้งในสิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง และไต้หวัน ซึ่งได้รับความนิยมในญี่ปุ่นเช่นเดียวกันครับ
2006 Krispy Kreme Doughnuts (คริสปีครีม) เปิดสาขาแรกในประเทศญี่ปุ่นที่สถานีรถไฟชินจุกุ เมื่อปลายปี 2006 ทันทีที่เปิดสาขาแรกภาพที่คนจำได้ติดตาคือ การต่อแถวรอนานหลายชั่วโมงของคนญี่ปุ่น เพื่อรอซื้อคริสปีครีมขนมโดนัทแบรนด์ดังจากอเมริกา
2009 น้ำมันรายุกินได้ เป็นน้ำมันพริกเผาใส่กระเทียมเจียวสไตล์ญี่ปุ่น ทานคู่กับอะไรก็อร่อย คนญี่ปุ่นนิยมทานคู่กับข้าวสวย หรือจะเหยาะใส่สลัด กินกับกับข้าวก็อร่อยเหมือนกัน เนื่่องจากผมไปเรียนปริญญาตรีที่ญี่ปุ่นในช่วงปี 2007-2011 ทำให้ผมอยู่ในปรากฏการณ์ที่ “น้ำมันรายุกินได้” นั้น กำลังฮิตติดลมบนในญี่ปุ่นพอดี ผมจำได้ตอนนั้นที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่แทบทั้งหมด เอาสินค้ามาเติมเท่าไหร่ก็ไม่พอ เห็นแล้วจึงสงสัยซื้อกลับมากินบ้าง ถึงเข้าใจว่าที่นิยมมาก ๆ เพราะมันอร่อยมากเมื่อนำไปทานกับข้าวสวยร้อน ๆ จริง ๆ
*** น้ำมันรายุกินได้อาจจะไม่ใช่ของหวานนะครับ แต่เป็นสินค้าฮิตมากจนอดไม่ได้ที่จะเขียนให้อ่าน
2011 แพนเค้ก แพนเค้กในญี่ปุ่นส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลมาจากแพนเค้กสไตล์ฮาวาย ในปี 2011 มีร้านแพนเค้กจำนวนมากทยอยเปิดร้านในโตเกียว ซึ่งก็ได้รับความนิยมมากในหมู่หนุ่มสาวจนถึงปัจจุบัน
จะสังเกตได้ว่า ของหวานที่เป็นที่นิยมย้อนไปในอดีตมากกว่า 10 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลมาจากของหวานที่มีอยู่แล้วในประเทศฝั่งยุโรปและอเมริกา เหมือนเป็น
ความฝันของหนุ่มสาวญี่ปุ่นอยู่แล้วว่า สักวันนึงอยากทานของหวานเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเครป ทาร์ตไข่ และแพนเค้ก พอเข้ามาในญี่ปุ่น แล้วปรับเปลี่ยนหน้าตา ทำรสชาติให้ถูกปากคนญี่ปุ่นก็กลายเป็นของหวานยอดฮิตได้ไม่ยาก จนกระทั่งในปี 2018 “ชานมไข่มุก” ของหวานที่เราคุ้นเคยกันมากในประเทศไทยก็มาบูมที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง แต่ไม่ต้องตกใจไปว่า ชานมไข่มุกนั้นเพิ่งฮิตในญี่ปุ่นเองหรอ เพราะในญี่ปุ่นเค้าจะฮิตชานมไข่มุกกันเป็นระลอก ระลอกแรกในปี 1992 ระลอกที่สองในปี 2003 มาแต่ละครั้งจะดังอยู่ช่วงนึง พอเวลาผ่านไปก็มีของหวานอื่น ๆ มาทดแทน จนกระทั่งปี 2018 ชานมไข่มุกก็กลับมาดังในญี่ปุ่นเป็นระลอกที่ 3 ครับ
สาเหตุที่ชานมไข่มุกกลายเป็นสินค้ายอดนิยมในญี่ปุ่นอีกครั้งในปี 2018
ในปี 2013 ร้านชุนฉุ่ยถัง (Chun Shui Tang) ร้านชานมไข่มุกร้านแรกระดับตำนานของไต้หวัน เข้ามาเปิดร้านสาขาแรกในญี่ปุ่น เพราะเชื่อว่าตลาดชานมไข่มุกในญี่ปุ่นน่าจะเติบโตได้ในอนาคต แต่กระแสชานมไข่มุกในตอนนั้นยังไม่ฮิตทันที ในตอนนั้นคนหนุ่มสาวในประเทศญี่ปุ่นเริ่มนิยมออกเดินทางท่องเที่ยวด้วยสายการบิน Low Cost มากขึ้น จองตั๋วเครื่องบินราคาถูกเพื่อออกเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ และประเทศเป้าหมายอันดับแรกของหนุ่มสาวญี่ปุ่นในช่วงนั้นคือ ประเทศไต้หวันครับ อย่างที่รู้กันว่าอาหารที่ไต้หวันมีเสน่ห์มาก และเครื่องดื่มที่ห้ามพลาดเลยเมื่อไปเที่ยวไต้หวันคือ ชานมไข่มุก ทำให้คนญี่ปุ่นเริ่มมีความคุ้นเคยกับเครื่องดื่มประเภทนี้มากขึ้น
เมื่อเห็นกระแสสถานการณ์เป็นเช่นนั้นจึงทำให้ผู้ประกอบการ หรือนักธุรกิจจำนวนมากเริ่มมั่นใจว่า ถ้าเปิดร้านชานมไข่มุกในญี่ปุ่นแล้วเครื่องดื่มชนิดนี้ต้องกลับมาบูมได้แน่ ๆ จึงทำให้มีจำนวนร้านชานมไข่มุกเพิ่มขึ้นในญี่ปุ่นตามลำดับ
จำนวนบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องดื่มชานมไข่มุกเป็นหลัก หรือทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชานมไข่มุก
มีนาคม 2015 : 21 ร้าน
มีนาคม 2016 : 21 ร้าน
มีนาคม 2017 : 22 ร้าน
มีนาคม 2018 : 27 ร้าน
มีนาคม 2019 : 32 ร้าน
สิงหาคม 2019 : 60 ร้าน
มีนาคม 2020 : 112 ร้าน
สิงหาคม 2020 : 125 ร้าน
Credit : ข้อมูลการสำรวจเกี่ยวกับร้านชานมไข่มุก โดย TOKYO SHOKO RESEARCH, LTD.
โดยลักษณะนิสัยของคนหนุ่มสาวในยุคนี้ที่มีการแพร่หลายของการใช้งานสมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดีย เมื่อมีอะไรน่าสนใจ หรือข้อมูลใหม่ ๆ จะชอบโพสต์ลงไปในช่องทางโซเชียลมีเดียของตัวเอง ซึ่งทำให้เกิดการรับรู้เป็นที่กว้างขวางขึ้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ถึงขนาดที่มีคำศัพท์บางคำเกิดขึ้นมาใหม่เพราะความฮิตของชานมไข่มุกด้วย เช่น タピる (TAPIRU) หรือกำลังดื่มชานมไข่มุกอยู่ หรือ タピ活 (TAPIKATSU) กิจกรรมการดื่มชานมไข่มุก เป็นต้น
ในช่วงที่ชานมไข่มุกได้รับความนิยมสูงสุดที่ญี่ปุ่นเกิดปรากฏการณ์คนรอคิวยาวหน้าร้าน หลากหลายร้านเลยครับ เมื่อชานมไข่มุกกลายเป็นเครื่องดื่มติดเทรนด์จึงมีผู้เล่นรายใหม่หันมาเปิดร้านชานมไข่มุกเป็นจำนวนมาก สังเกตได้จากเดือนสิงหาคม 2019 ที่เคยมีร้านชานมไข่มุกเพียงแค่ 60 ร้าน เพิ่มขึ้นมาเป็น 112 ร้านในเดือนมีนาคม 2020 เพียงแค่ 7 เดือนเท่านั้นมีร้านชานมไข่มุกเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวครับ
ตอนนี้กระแสความฮิตของชานมไข่มุกในญี่ปุ่นเริ่มบางเบาลงไปแล้ว ซึ่งสามารถสังเกตได้จากความถี่ของการใช้แฮชแท็กเกี่ยวกับชานมไข่มุก เช่น #タピる (TAPIRU) #タピ活 (TAPIKATSU) น้อยลงมาก ร้านชานมไข่มุกในญี่ปุ่นมีจำนวนมากขึ้นจนสามารถหาซื้อชานมไข่มุกได้ง่ายจนเกินไป และหนุ่มสาวในญี่ปุ่นชอบแสวงหาสิ่งใหม่ทดแทนที่สามารถถ่ายรูปแล้วเอามาอวดเพื่อน ๆ ในโลกโซเชียลมีเดียได้
ประเด็นที่น่าสนใจมากว่า หลังจากที่ชานมไข่มุกเริ่มอิ่มตัวไปแล้ว คือ อะไรจะเป็นเครื่องดื่มติดเทรนด์ตัวต่อไปในญี่ปุ่น ซึ่งนั่นคือ Banana Juice หรือน้ำกล้วยปั่นครับ เพราะเหตุใดน้ำกล้วยปั่นถึงได้รับความนิยมมากขึ้นและเข้ามาทดแทนกระแสของชานมไข่มุกได้สำเร็จ
จริง ๆ แล้วถ้าพูดถึงปริมาณการบริโภคผลไม้ในญี่ปุ่น กล้วยคือผลไม้ที่มีจำนวนการบริโภคมากเป็นอันดับหนึ่งครับ กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารในญี่ปุ่น (Ministry of Internal Affairs and Communications) ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขการบริโภคผลไม้ในญี่ปุ่น พบว่า ปริมาณการบริโภคผลไม้สดของคนญี่ปุ่นมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ ในทางกลับกันปริมาณการบริโภคกล้วยในญี่ปุ่นนั้นกลับสวนกระแส มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีปริมาณมากถึง 20 เปอร์เซนต์ของผลไม้ทั้งหมด จริง ๆ แล้วคนญี่ปุ่นชอบทานกล้วยอยู่แล้ว ถ้ามีผลิตภัณฑ์ ขนมหวาน เครื่องดื่มอะไรที่เอากล้วยมาเป็นส่วนประกอบ ก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นสินค้าฮิตได้ไม่ใช่เรื่องแปลก
กว่าที่น้ำกล้วยปั่นจะฮิตในครั้งนี้ จริง ๆ แล้วกล้วยเป็นผลไม้ที่ฮิตในญี่ปุ่นมาหลายระลอกแล้วครับ การฮิตของกล้วยระลอกที่ 1 เกิดขึ้นในปี 1963 ในช่วงเวลานั้นกล้วยเป็นผลไม้ที่หาทานยากมาก ราคาแพง คนทั่วไปซื้อทานไม่ค่อยได้ จนกระทั่งมีการนำเข้ากล้วยจากต่างประเทศค่อนข้างอิสระ ทำให้กล้วยมีราคาถูกลงและสามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้น และกลายเป็นผลไม้ยอดนิยมตลอดกาลตั้งแต่สมัยนั้นเป็นต้นมา
ระลอกที่ 2 เกิดขึ้นในปี 2006 ตอนนั้นวิธีการลดน้ำหนักด้วยการทานกล้วย เป็นที่แพร่หลายในญี่ปุ่น ถึงกับมีการเรียกขานวิธีการลดน้ำหนักนี้ว่า Banana Diet คนแห่กันไปซื้อกล้วยค่อนข้างเยอะ จนเกิดปรากฏการณ์กล้วยขาดตลาดในประเทศญี่ปุ่น
ระลอกที่ 3 หรือระลอกปัจจุบัน เนื่องจากคนญี่ปุ่นชอบทานกล้วยเป็นพื้นเพเดิมอยู่แล้ว เมื่อมีร้านเครื่องดื่มที่คิดค้นเมนูพิเศษขึ้นมา ทำให้กลายเป็นกระแสได้ง่าย โดยระลอกที่ 3 ที่น้ำกล้วยปั่นกลับมาฮิตเกิดจากร้าน SONNA BANANA MILK ร้านน้ำกล้วยปั่นในญี่ปุ่นแห่งหนึ่งในโตเกียว จุดขายของน้ำกล้วยปั่นร้านนี้คือ “หมดอายุภายใน 20 นาที” ที่ร้านจะทำให้ทีละแก้ว เมื่อลูกค้ารับมาแล้ว ต้องรีบดื่มให้หมดภายใน 20 นาทีจะได้รสชาติกล้วยเข้มข้น เย็นอร่อยดีที่สุด หลังจากนั้นมีรายการโทรทัศน์ชื่อดังในญี่ปุ่นเชิญไปออกรายการ ยิ่งทำให้เป็นกระแสในทวิตเตอร์และช่องทางโซเชียลมีเดียอื่น ๆ
นอกจากนั้น เบื้องหลังความฮิตของน้ำกล้วยปั่นเกิดจากกระแสคนรักสุขภาพในปัจจุบันด้วย ถ้าให้เทียบกับชานมไข่มุกที่มีปริมาณแคลอรี่มากกว่า 500 kcal จะเห็นว่าน้ำกล้วยปั่นมีปริมาณแคลอรี่ต่ำกว่ามาก ประมาณ 200 kcal เท่านั้น นอกจากนี้รายการญี่ปุ่นหลายรายการเสนอสรรพคุณที่ดีงามของกล้วยไว้ว่า
จะเห็นได้ว่ายุคสมัยต่างกันไปปัจจัยที่จะช่วยให้สินค้าต่าง ๆ ฮิตขึ้นมาได้นั้นก็แตกต่างกันไปด้วย ในยุคก่อนขนมหวานส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลมาจากต่างประเทศทั้งทางยุโรปและฝั่งอเมริกา เมื่อเอามาดัดแปลงให้เข้ากับความชอบของคนญี่ปุ่นก็กลายเป็นสินค้ายอดฮิตได้ไม่ยาก แต่จะมีช่วงเวลาของมัน เมื่อเวลาผ่านไปความนิยมก็จะตกลงไปด้วย และมีสินค้าตัวอื่นขึ้นมาทดแทน
แต่ในยุคปัจจุบันที่มีความแพร่หลายของการใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดียจะเห็นว่า ตัวจุดไฟให้สินค้าต่าง ๆ เกิดความนิยมได้นั้นจะอยู่ในโลกของโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าหนุ่มสาวที่มีความคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ จะติดตามข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้นในโซเชียลมีเดียอยู่ตลอด เวลาเห็นอะไรน่าสนใจ คนกำลังเห่อ ก็จะอยากลองชิม ลองใช้บริการบ้างจนกลายเป็นกระแสใหญ่ ๆ ในสังคม