ทำไมเราต้องทำงานและใช้ชีวิตให้ Productive? นี่คงเป็นคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวของใครหลาย ๆ คนเมื่อได้เห็นหรือได้ยินเรื่องนี้ จริง ๆ แล้วเมื่อพูดถึงการใช้ชีวิตให้ Productive เนี่ย เราหมายถึงการใช้ชีวิตให้มีความสุข มีเวลาพัฒนาตนเอง และ
ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่การโหมงานหนักเกินไปจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่น
แล้วเราต้องทำงานให้
Productive แค่ไหนถึงจะดี? เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลครับ คนเราทำงานต่างสาขาอาชีพ ใช้เวลาทำงานไม่เท่ากัน และเป้าหมายของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แต่ผมมองว่า เราสามารถเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นได้ด้วยการใช้ชีวิตและทำงานให้ Productive หรือใครที่เป็นอยู่แล้วก็จะสามารถไปถึงจุด Super Productive ได้ เพราะโลกหมุนไปตลอดเวลา คนเราก็ต้องพัฒนาตนเองตามเช่นกัน
ที่จริงแล้วการใช้ชีวิตและทำงานให้ Productive เนี่ยไม่ใช่เรื่องยากครับ หากยังไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง ผมมีไอเดียมาให้ลองนำไปปรับใช้เพื่อให้ชีวิตเรา Super Productive ขึ้นครับ
1. หยุดทำงานเยอะเกินไปโดยไม่จำเป็น
อย่างที่บอกไปครับว่า การทำงานแบบ Super Productive ไม่ใช่การทำงานตลอดเวลา แต่เป็นการทำงานให้น้อย ทำเฉพาะงานที่จำเป็น และทำมันออกมาให้ดีที่สุดในระยะเวลาที่กำหนด หลายคนคิดว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้นจะต้องทำงานตลอดเวลา ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย เราควรที่จะหาเวลาพักเสียด้วยซ้ำไป เพราะไอเดียดี ๆ หลายครั้งมักจะเกิดตอนที่เราพักผ่อน หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ เสียมากกว่า มีเวลาเมื่อไหร่ก็ผ่อนคลายบ้าง ร่างกายของเราต้องได้พัก แล้วค่อยกลับมาทุ่มกับงานใหม่ เพราะเรามีชีวิตที่ต้องใช้มากกว่าแค่ทำงาน และอย่าให้การทำงานเยอะเกินไปทำให้คุณรู้สึกไม่ Productive ครับ
2. ต้องปฏิเสธให้เป็น
หลายครั้งที่เราไม่สามารถทำงานให้ Productive ได้ เพราะเราโฟกัสกับงานของคนอื่นมากเกินไปจนไม่มีเวลาให้ตัวเอง การช่วยเหลือผู้อื่นไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ทำแล้วต้องไม่ลำบากตัวเอง หากมีใครขอให้ช่วยงานก็ลองพิจารณาก่อนว่า เราสะดวกหรือเปล่า ให้เวลากับเขาได้มากแค่ไหนที่เราจะทำงานส่งทันเวลาหรือไม่กินเวลาพักผ่อนมากเกินไป
อีกอย่างหนึ่ง การ
ทำงานแทนผู้อื่น เรื่องนี้มักเกิดขึ้นเพราะเราไม่กล้าปฏิเสธ หรือปฏิเสธไม่เป็น ถ้าไม่สามารถทำได้จริง ๆ พยายามเน้นช่วยทำงานให้บางส่วน หรือช่วยกันทำ มากกว่าที่จะรับงานมาทำไว้คนเดียว เพื่อที่เราจะได้มีเวลาใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง
3. อย่าเป็น Toxic Perfectionist
การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของงานไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ต้องดูด้วยว่า ทำแล้วคุ้มค่าหรือเปล่า หลายครั้งเปลี่ยนโน่นนิดนี่นั่นแล้วงานอาจจะดูออกมาสวยขึ้น สุดท้ายผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนเดิม แย่ยิ่งกว่าคือคุณเสียพลังกาย พลังใจ และเวลาในชีวิตไปโดยไม่ได้อะไรกลับมา ถือเป็นการลงทุนที่เสียเปล่า เหมือนคุณคิดว่าตัวเองทำงานได้อย่าง Productive สุด ๆ แล้ว แต่ผลลัพธ์กลับไม่ได้ดีอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
วิธีแก้ปัญหาคือ วางแผนให้รัดกุมแต่แรก เผื่อแผนสำหรับเหตุไม่คาดฝัน ฝึกทักษะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไว้ และยอมรับให้ได้ว่า ไม่มีสิ่งใดเพอร์เฟกต์ตลอดไป แม้แต่ตัวเราเอง แล้วเราจะไม่เสียเวลากับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ส่งผลใด ๆ กับชีวิตเรา
4. พัฒนาตัวเองด้วยการทำสิ่งที่ชอบ และค้นหาสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ
งานอดิเรกที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม สามารถจะพัฒนาแนวคิด ทักษะการทำงาน และถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว ถ้าใครยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร หรือเริ่มเบื่อกับสิ่งที่ทำอยู่ประจำ ลองหากิจกรรมอื่นที่เราไม่เคยทำมาก่อน ค่อย ๆ ศึกษา และลองใช้เวลาสักหนึ่งสัปดาห์ทุ่มเททำมันให้เต็มที่ ถ้าชอบก็ไปต่อ ถ้าไม่ชอบก็เปลี่ยน การหาอะไรใหม่ ๆ ให้ชีวิตช่วยให้เรามีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น แน่นอนว่าเราสามารถนำไปเสริมกับงานที่เราทำอยู่ได้ด้วยเช่นกัน เมื่อชีวิตโดยรวมมีความสุขและผ่อนคลายแล้ว ก็จะส่งผลกลับไปที่การทำงานให้สามารถ Productive ได้อย่างแท้จริงโดยไม่ต้องทรมานตัวเอง
จะเห็นได้ว่าการทำงานและใช้ชีวิตให้ Super Productive นั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถทำได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์หรือหนึ่งเดือน เราต้องค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนนิสัยทีละนิดทีละหน่อย ทำให้เป็นกิจวัตร คอยสังเกตภาพรวมของตัวเอง แล้วจะพบว่าชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ
อ้างอิง:
https://bit.ly/3g9984j
https://bit.ly/2PH4lME