6 เรื่องควรรู้ก่อนลงทุนกองทุนรวม
รอบรู้เรื่องลงทุน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

6 เรื่องควรรู้ก่อนลงทุนกองทุนรวม

icon-access-time Posted On 24 กุมภาพันธ์ 2564
By Krungsri the COACH
สำหรับมือใหม่ หรือมนุษย์เงินเดือน เมื่อเลือกที่จะเริ่มต้นลงทุนอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก เพราะสินทรัพย์ลงทุนบนโลกใบนี้มีหลายหลายประเภท ดังนั้นแล้วกองทุนรวม จึงเป็นตัวหนึ่งทำให้ชีวิตการลงทุนง่ายขึ้น

รู้จัก “กองทุนรวม (Mutual Fund)” คือ การระดมเงินลงทุนจากคนจำนวนมาก แล้วให้ “ผู้จัดการกองทุน” ที่เป็นมืออาชีพ และมีความเชี่ยวชาญในการลงทุน นำเงินของเราไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ตามนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน และแบ่งผลตอบแทนกลับมาให้เรา เมื่อสามารถทำกำไรได้ ทำให้การลงทุนนั้นง่ายขึ้นมากในช่วงเริ่มต้น

ก่อนจะลงทุนกองทุนรวมควรรู้อะไรบ้าง

6 เรื่องควรรู้ก่อนลงทุนกองทุนรวม
1. สำรวจตนเอง
ก่อนจะลงทุนสิ่งสำคัญอันดับแรกก็คือ การสำรวจตนเอง คือดูว่ารับความเสี่ยงจากการลงทุนได้มากหรือน้อยเพียงใด โดยการสำรวจความเสี่ยงนั้นสามารถทำได้โดยตอบแบบสอบถามประเมินความเสี่ยงจากธนาคาร บลจ. หรือตัวแทนจำหน่ายที่ท่านเปิดบัญชีซื้อ-ขายกองทุนรวม อย่างไรก็ตามบางท่านอาจรับความเสี่ยงได้ไม่ตรงกับแบบประเมินที่ทำก็เป็นได้ หากยังไม่เคยลงทุนจริง โดยในช่วงตอบแบบสอบถามสามารถรับความเสี่ยงได้สูงแต่เมื่อลงทุนกลับไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ต่ำ เนื่องจากจริตการลงทุนของแต่ลงคนแตกต่างกันไป ดังนั้นสำหรับมือใหม่แล้วการลงทุนในครั้งแรกอาจใช้เงินลงทุนจำนวนไม่มากเพื่อทดสอบความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ก่อนเพื่อสร้างความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น และสามารถเลือกลงทุนให้ตรงกับความเสี่ยงที่รับได้ในครั้งถัด ๆ ไป

2. ดูนโยบายการลงทุน
นโยบายการลงทุนในกองทุนรวมหลัก ๆ จะแบ่งเป็น 5 ประเภท
  1. กองทุนรวมตลาดเงิน: ลงทุนในเงินฝากธนาคาร ตราสารหนี้ระยะสั้นทั้งภาครัฐและเอกชน ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจะต่ำที่สุดถ้าเทียบกับกองทุนในประเภทอื่น ๆ
  2. กองทุนรวมตราสารหนี้: ลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกู้บริษัทเอกชน มีความผันผวนมากขึ้นและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนรวมตลาดเงิน ความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง
  3. กองทุนรวมตราสารทุน: ลงทุนในตราสารทุน หรือหุ้นที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งในและนอกประเทศ ความเสี่ยงปานกลางถึงสูง มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นแต่ก็มีโอกาสขาดทุนสูงขึ้นเช่นเดียวกับพอร์ตการลงทุน
  4. กองทุนรวมทางเลือก:
    • กองทุนที่ลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า: ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า โดยนำเงินค่าเช่ามาจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ลงทุน ความเสี่ยงปานกลาง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอ
    • ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น น้ำมัน ทองคำ ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนผันผวนตามราคาโภคภัณฑ์
  5. กองทุนรวมผสม: ลงทุนในสินทรัพย์ตั้งแต่ ข้อ 1 - ข้อ 4 ผสมกัน สัดส่วนการลงทุนระหว่างสินทรัพย์ต่าง ๆ จะเป็นเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับนโยบายของกองทุน และการบริหารของผู้จัดการกองทุนนั้น ๆ ผลตอบแทนและความเสี่ยงขึ้นอยู่กับสัดส่วนการลงทุนของกองทุน

3. ผลการดำเนินงานในอดีต
ผลตอบแทนย้อนหลังเป็นอีกส่วนหนึ่งที่นักลงทุนทั้งหน้าใหม่หน้าเก่านิยมดูก่อนการตัดสินใจลงทุนในกองทุนนั้น ๆ ผู้ลงทุนสามารถเปรียบเทียบกองทุนกับดัชนีมาตรฐานได้ดังนี้ เช่น
  • กองทุนหุ้นไทย เปรียบเทียบกับ ดัชนี SET Index TRI
  • กองทุนรวมหุ้นที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลก เปรียบเทียบกับ ดัชนี MSCI World Index
ตัวอย่าง กรุงศรีไชน่าเอแชร์อิควิตี้-สะสมมูลค่า (KFACHINA-A)
ผลการดำเนินงานย้อนหลัง KFACHINA-A
การเลือกกองทุนจากวิธีนี้ ควรเลือกกองทุนที่ผู้จัดการกองทุนสามารถบริหารได้ชนะดัชนีมาตรฐาน
4. ค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมกองทุนก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญมาก ซึ่งอาจเป็นตัวที่ทำให้ผลตอบแทนน้อยลงไปกว่าที่ควรจะเป็นเพราะต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาจ่ายค่าธรรมเนียม โดยค่าธรรมเนียมกองทุนนั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ
  1. ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วยลงทุุน: เป็นค่าธรรมเนียมที่ถูกเรียกเก็บทันทีเมื่อเกิดธุรกรรม ซื้อ หรือขายกองทุนรวม โดยมีค่าธรรมเนียมที่เราควรรู้จักดังนี้
    1. ค่าธรรมเนียมขาย: จะถูกเรียกเก็บเมื่อซื้อหน่วยลงทุน
    2. ค่าธรรมเนียมซื้อ: จะถูกเรียกเก็บเมื่อขายคืนหน่วยลงทุน
    3. ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหลักทรัพย์: จะถูกเก็บเมื่อทำรายการซื้อและขายหน่วยลงทุน
  2. ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนรวม: ค่าธรรมเนียมนี้จะคิดเป็น % ของ NAV ต่อปี โดยจะคิดรวมในหน่วยลงทุน ดังนั้นแล้ว อัตราผลตอบแทนที่เห็นนั้นจะเป็นผลตอบแทนที่รวมค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนไว้แล้ว ไม่ต้องนำมาคำนวณแยกอีกครั้งหนึ่ง

5. เงื่อนไขการซื้อ-ขาย
กองทุนรวมแต่ละกองมีเงื่อนไขการลงทุนไม่เหมือนกัน จึงต้องศึกษาในรายละเอียด
  1. เงื่อนไขการซื้อ
    1. จำนวนเงินซื้อขั้นต่ำในครั้งแรก และครั้งถัดไป
    2. ระยะเวลาในการรับคำสั่งซื้อ: เช่น 8.30-15.00 น. หรือบางกองทุนอาจไม่สามารถทำรายการซื้อได้ทุกวันทำการ จะมีตารางการขายที่เป็นการเฉพาะเจาะจงวันที่
    3. วิธีการซื้อ: เช่น ตัดบัตรเครดิต ตัดบัญชี สับเปลี่ยนกองทุน จ่ายเช็ค เป็นต้น
    4. ช่องทางการซื้อ: เช่น ออนไลน์ สาขาของธนาคาร บลจ. ตัวแทนจำหน่าย
  2. เงื่อนไขการขาย
    1. จำนวนเงินขั้นต่ำในการขายคืน
    2. ระยะเวลาในการรับคำสั่งขายคืนหน่วยลงุน: เช่น 8.30-15.00 น. หรือบางกองทุนอาจไม่สามารถทำรายการขายคืนได้ทุกวันทำการ จะมีตารางการขายที่เป็นการเฉพาะเจาะจงวันที่
    3. ระยะเวลารับเงินค่าขายคืนกองทุนรวม เช่น การชำระเงินค่าขายคืน T+4 จะได้รับเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนใน 4 วันทำการนับจากวันที่ขายคืน อย่างขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคือ วันศุกร์ หากไม่ติดวันหยุดใด ๆ
    4. ช่องทางการซื้อ: เช่น ออนไลน์ สาขาของธนาคาร บลจ. ตัวแทนจำหน่าย

6. ตรวจสอบและติดตามอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่าการลงทุนในกองทุนรวมจะมีผู้จัดการกองทุนที่คอยปรับพอร์ตการลงทุนตามสถานการณ์ให้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควรละเลยการติดตามการลงทุนอย่างน้อยทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี ก็กลับมาทบทวนพอร์ตการลงทุนซักครั้งเพื่อให้มั่นใจว่ากองทุนที่ลงทุนอยู่ยังให้ผลตอบแทนอย่างที่คาดไว้ และหากสถานการณ์ตลาดหรือเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปก็สามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้ทันเวลา
ก่อนที่เราจะไปลงทุนนั้นเราต้องรู้จักตัวเองให้ดีซะก่อน ตอบคำถามตัวเองว่า วันนี้เราลงทุนเพื่ออะไร เรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน เพราะแต่ละคนรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน บางคนอาจจะบอกว่า กองทุนกองนี้ดี น่าลงทุน ให้ผลตอบแทนสูง แต่มีความเสี่ยงที่สูงกว่าระดับความเสี่ยงที่เรารับได้ และเกินความเข้าใจของเรา เราก็ไม่ควรจะไปลงทุนโดยไม่ได้พิจารณาหรือศึกษาเพิ่มเติมให้ดีก่อน เพราะดีสำหรับเค้า แต่อาจจะไม่ดีสำหรับเรา และไม่ตอบโจทย์วัตถุประสงค์การลงทุนของเราก็ได้ และที่สำคัญที่สุดในโลกของการลงทุนก็คือ ประโยคที่ว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
คลิกเลย (วางแผนเรื่องเงินก่อนเริ่มลงทุน)
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา