สงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่หลาย ๆ คนกำลังรอคอย เนื่องจากเป็นเทศกาลที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ทำให้เราสามารถวางแผนไปเที่ยวยาว ๆ ได้ หากใครกำลังมองหาที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่ น้องเพลินเพลินก็ได้รวมที่เที่ยวต่างประเทศ ใช้งบน้อย และเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากจะมา ซึ่งมีอยู่ 4 แห่งในอาเซียน พร้อมทั้งเคล็ดลับในการวางแผนต่าง ๆ เพื่อให้เราไปเที่ยวได้อย่างมีความสุข มีที่ไหนบ้างมาดูกันเลย
4 ที่เที่ยวประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนปี 2024
ตึกแฝดเปโตรนาส กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
หากคุณได้มีโอกาสไปกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย สิ่งที่จะพลาดไม่ได้เลย คือ การไปเยี่ยมชมตึกแฝดเปโตรนาส ซึ่งในอดีตนั้นเคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก ในช่วงปี 1998 - 2003 ที่นี่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่สะท้อนถึงเศรษฐกิจและความมั่งคั่งของประเทศมาเลเซีย ภายในอาคารจะมีทั้งห้างสรรพสินค้าที่เราสามารถเลือกซื้อของแบรนด์เนมได้ มีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ศูนย์วิทยาศาสตร์ และยังมีสะพานลอยฟ้าที่เราสามารถเดินถ่ายรูปชมวิวทิวทัศน์ของกัวลาลัมเปอร์ ส่วนภายนอกอาคารก็มีสวนหย่อมที่เราสามารถไปเดินเล่น ถ่ายรูปกับตึกแฝดแห่งนี้ได้ด้วย
การเดินทางไปเที่ยวกัวลาลัมเปอร์นั้น ใช้งบประมาณอยู่ที่ 15,000 - 20,000 บาท สำหรับการอยู่ 3 วัน 2 คืนต่อคน
วัดเลมปูยางค์ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
วัดเลมปูยางค์ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญบนเกาะบาหลีที่หลาย ๆ คนใฝ่ฝันว่าจะเดินทางไปซักครั้งในชีวิต วัดนี้มีความเก่าแก่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 และเป็น 1 ใน 6 วัดศักดิ์สิทธิ์บนเกาะบาหลี ที่มีศิลปะแบบพราหมณ์-ฮินดู แน่นอนว่าสายมูก็ห้ามพลาดเลยทีเดียว การไปเยือนสถานที่แห่งนี้เราจะต้องนุ่งโสร่งและแต่งตัวเรียบร้อย ในวัดจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนซึ่งเปรียบเสมือนเป็นร่างกายมนุษย์ได้แก่ ส่วนเท้า ส่วนร่างกาย ส่วนศีรษะ และด้านบนนั้นจะเป็นที่ประทับของพระศิวะ หนึ่งในไฮไลท์ของวัดนี้คือ ซุ้มประตูสวรรค์ที่เราจะต้องไปถ่ายรูปเช็กอินลงโซเชียลมีเดียกันสักนิด ซุ้มประตูนี้สามารถมองวิวภูเขาด้านหลังและมีพื้นที่สะท้อนกับน้ำ ยิ่งถ่ายช่วงพระอาทิตย์ตกยิ่งสวยมาก ๆ
การเดินทางไปเที่ยวบาหลีนั้น ใช้งบประมาณอยู่ที่ 15,000 - 20,000 บาท สำหรับการอยู่ 3 วัน 2 คืนต่อคน
สำรวจเมืองมรดกโลกที่เมืองฮอยอัน ประเทศเวียดนาม
ฮอยอันเป็นเมืองท่าที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ในสมัยก่อนช่วงศตวรรตที่ 16 - 17 เป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ที่มีชาวต่างชาติแวะเวียนมาค้าขายกันอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เมืองแห่งนี้มีการผสมผสานจากหลายวัฒนธรรม หากใครได้ไปเที่ยวเมืองนี้ก็จะพบความสวยงามของตึกรามบ้านช่องที่เก่าแก่เรียงรายกัน ซึ่งบ้านบางหลังก็เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เราได้เข้าไปเยี่ยมชม บางแห่งก็เปิดเป็นร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ร้านขายของฝาก และถ้าหากมีโอกาสได้ใส่ชุดประจำชาติเวียดนามไปถ่ายรูปกับเมืองเก่าแห่งนี้ละก็ รับรองว่าจะมีคนกดไลก์ใน Facebook และ IG กันไม่หยุดหย่อนแน่ ๆ
การเดินทางไปเที่ยวฮอยอันนั้น ใช้งบประมาณอยู่ที่ 10,000 - 15,000 บาท สำหรับการอยู่ 3 วัน 2 คืนต่อคน
เกาะเซนโตซ่า ประเทศสิงคโปร์
สำหรับครอบครัวใครที่มีเด็กเล็กและต้องการให้ลูกได้สัมผัสบรรกาศแห่งการเรียนรู้ในเรื่องต่าง ๆ รวมไปถึงการท่องเที่ยวไปตามจินตนาการในแบบเด็ก ๆ ต้องไม่พลาดที่จะพาไปยังเกาะเซนโตซ่า ประเทศสิงคโปร์ ที่เกาะแห่งนี้เป็นศุนย์รวมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ ที่เราสามารถไปเล่นเครื่องเล่นต่าง ๆ ได้ หรือหากใครอยากจะดูสัตว์น้ำก็สามารถแวะไปที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ S.E.A. Aquarium พิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะสามมิติสิงคโปร์ นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่งในสิงคโปร์ที่รอให้ทุกคนมาค้นพบความตื่นตาตื่นใจ
การไปเที่ยวสิงคโปร์นั้นอาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าประเทศอื่นใน ASEAN และต้องเตรียมเงินเพื่อเข้าสถานที่ต่าง ๆ เพิ่มเติม หากเราไปท่องเที่ยว 3 วัน 2 ขึ้นไปและเข้าเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ในเซนโตซ่าแล้ว อาจจะต้องเตรียมเงินอย่างน้อย 20,000 - 30,000 บาทต่อคน
วางแผนเที่ยวอย่างไรไม่ให้กระเป๋าฉีก
แม้จะเป็นการเที่ยวต่างประเทศที่เป็นประเทศเพื่อนบ้าน น้องเพลินเพลินก็อยากจะแนะนำเคล็ดลับเพื่อให้เราสามารถวางแผนไปเที่ยวได้โดยไม่ทำให้กระเป๋าฉีก มาดูวิธีการกันเลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
1. กำหนดงบสำหรับการท่องเที่ยว
เริ่มต้นจากการกำหนดงบประมาณกันก่อนว่า เราจะใช้เงินในการท่องเที่ยวทั้งหมดเท่าไหร่ดี ซึ่งในงบประมาณนี้เราจะต้องแบ่งเป็นค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่ากินอยู่ และค่าเข้าสถานที่ต่าง ๆ หากไปกับแก๊งเพื่อนเราก็สามารถวางแผนร่วมกับเพื่อน ๆ ที่เดินทางไปด้วยกัน แต่หากเราจะไปกับครอบครัวก็ลองกำหนดงบประมาณเพียงพอสำหรับตัวเราและครอบครัวเราด้วยนะ
2. วางแผนการเก็บเงิน
เมื่อเรารู้แล้วว่างบประมาณในการใช้จ่ายสำหรับท่องเที่ยวเป็นเท่าไหร่ ก็ลองมาวางแผนต่อว่าเราจะเก็บเงินล่วงหน้าเท่าไหร่ในแต่ละเดือนเพื่อให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้
ตัวอย่างเช่น หากเราต้องการเก็บเงินจำนวน 20,000 บาทเพื่อไปเที่ยว และเราสามารถเก็บเงินได้เดือนละ 5,000 บาท โดยหักจากเงินเดือนที่เราได้รับ เราก็วางแผนเก็บเงินทั้งหมด 4 เดือน ก็จะสามารถเก็บเงินได้ครบพร้อมไปเที่ยวได้ กรณีที่เราอยากจะเก็บเงินให้เร็วขึ้นกว่าเดิมในแต่ละเดือน เราสามารถทำได้จากการวางแผนลดรายจ่ายในเดือนนั้น ๆ ก็จะสามารถทำให้มีเงินไปเที่ยวมากขึ้นอีกด้วย
3. ศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ก่อนซื้อตั๋วและจองที่พัก
ไม่ควรรีบเร่งในการจองตั๋วและจองที่พักทันที แต่เราควรศึกษาหาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ หรือสอบถามเพื่อน ๆ ที่เคยไปท่องเที่ยวมาก่อน เพื่อนำข้อมูลมาเปรียบเทียบราคาและตัวเลือกที่มีความคุ้มค่าที่สุด ตลอดจนหาโปรโมชันและส่วนลดต่าง ๆ เพื่อให้เราสามารถ
เที่ยวแบบประหยัดเพิ่มเติมได้
4. เช็กราคาล่วงหน้าสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก่อนออกเดินทาง
ในหลาย ๆ ครั้งเราอาจจะต้องซื้อสินค้าและบริการจากผู้ให้บริการในท้องถิ่นที่ไม่ได้กำหนดราคามาตรฐานอย่างตายตัว เช่น ค่ารถรับจ้าง การซื้อสินค้าจากชาวบ้าน ซึ่งหากเราไม่รู้ราคามาก่อนก็อาจจะทำให้เราต้องจ่ายเงินที่แพงโดยใช่เหตุ เราจึงต้องเช็กราคาล่วงหน้าก่อนเพื่อหาราคาที่เหมาะสม และสามารถนำไปต่อรองราคาได้เมื่อถึงเวลาใช้บริการ
5. มีเงินสำรองฉุกเฉินติดกระเป๋าและประกันการเดินทางเผื่อต้องใช้
แม้ว่าเราจะคำนวณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มาอย่างดีแล้ว แต่หลาย ๆ ครั้งก็อาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้รายจ่ายระหว่างเดินทางเราเพิ่มขึ้น ดังนั้น เราควรจะเตรียมพร้อมในเรื่องเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 10 - 20% ของงบประมาณทั้งหมดในการเดินทาง และที่ขาดไม่ได้เลยคือการป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน เช่น การทำประกันการเดินทางเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ให้เราต้องเสียเงินเพิ่มให้หมดสนุกในการท่องเที่ยว
จะเห็นได้ว่าการวางแผนท่องเที่ยวทำได้ไม่ยากเลย เพียงแค่เรากำหนดงบประมาณ ตั้งเป้าหมายในการเก็บเงินเพื่อใช้ในการท่องเที่ยว อย่าลืมศึกษาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อที่จะทำให้เรา
ท่องเที่ยวได้อย่างประหยัด ไม่ใช้จ่ายจนเปลืองงบ และที่สำคัญควรมีเงินสำรองฉุกเฉินและประกันการเดินทางเผื่อใช้ในกรณีที่จำเป็น
Tips by น้องเพลินเพลิน : 2 สิ่งที่ต้องมีติดตัวเมื่อเที่ยวต่างประเทศไม่ว่าจะใกล้หรือไกล
ก่อนที่เราจะออกเดินทางไปยังต่างประเทศ น้องเพลินเพลินก็อยากจะบอกทุกคนให้ทราบว่า มี 2 สิ่งที่เราขาดไม่ได้เลยนั้นคือ ประกันเดินทางและบัตร Travel Card ทำไม 2 สิ่งนี้จึงสำคัญ มาดูกันว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร
1. ประกันเดินทาง
ประกันเดินทางเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เรามีความมั่นใจในการเดินทางมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครองในเรื่องการรักษาพยาบาล การเกิดอุบัติเหตุ คุ้มครองกรณีเสียชีวิต รวมไปถึงความคุ้มครองในเรื่องทรัพย์สิน กรณีกระเป๋าหรือของสำคัญของเราเกิดการสูญหายหรือเกิดความเสียหายได้ นอกจากนี้ยังคุ้มครองกรณีเที่ยวบินเลื่อนหรือล่าช้าได้อีกด้วย
น้องเพลินเพลินขอแนะนำ
กรุงศรีประกันการเดินทาง Simple Sure มีความคุ้มครองเรื่องการเดินทาง ค่าเบี้ยเริ่มต้นเพียง 250 บาท ความคุ้มครองสูงสุด 5 ล้านบาท
2. บัตร Travel Card
ไม่ว่าจะกิน เที่ยว ชอป มีบัตร Travel Card ไว้อุ่นใจสุด น้องเพลินเพลินขอแนะนำ
บัตร Krungsri Boarding Card แลกเงินด้วยอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษ อีกทั้งยังสามารถล็อกเรทที่ต้องการได้ล่วงหน้า เงินสดหมด กดได้ทันที สายชอปปิงต้องเลิฟสิ่งนี้ เพราะมีแค่บัตรนี้ใบเดียวก็เอาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการรูดบัตรเพื่อซื้อสินค้า หรือกดเงินจากตู้ ATM บัตร Travel Card ก็ยังให้ Rate ที่ดีกว่าบัตร ATM ทั่วไป สะดวกสบายแถมไม่ต้องพกเงินเยอะ ๆ อีกด้วย
จะเห็นได้ว่าการเที่ยวต่างประเทศโซนเพื่อนบ้านเรา ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปเยี่ยมเยียนมากมาย และหากใครที่มีแผนจะไปท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์นี้ก็อย่าลืมวางแผนทางการเงินเพื่อไปเที่ยวอย่างมีความสุขแถมกระเป๋าไม่ฉีกกันด้วยนะ สุดท้ายนี้ ก่อนเดินทางอย่าลืมทำประกันเดินทางเพื่อคุ้มครองความเสี่ยง และสมัครบัตร Travel Card เพื่อช่วยจัดการในเรื่องการแลกเงิน เพื่อใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวอย่างสะดวกสบาย