วิธีบริหาร Passion ของพนักงานในองค์กรยุคใหม่

วิธีบริหาร Passion ของพนักงานในองค์กรยุคใหม่

By Krungsri Plearn Plearn

ในปัจจุบันคำว่า Passion ถูกพูดถึงอย่างมาก เพราะ Passion เป็นเหมือนแรงผลักดันจากภายในที่ทำให้เรามีใจในการลงมือทำสิ่งต่าง ๆ วินทร์ เลียววาริณ อธิบายความหมายของ Passion ไว้ว่า Passion “คือความกระตือรือร้น ความหลงใหล ความคลั่งไคล้ในงานที่ทำ เป็นไฟที่ขับเคลื่อนให้ผู้สร้างสรรค์งานเดินหน้าอย่างเปี่ยมพลัง”

Passion จึงเปรียบเสมือน “เชื้อเพลิง” ที่ใช้ในการขับเคลื่อนการทำงาน คงจะดีไม่น้อยหากพนักงานในองค์กรของเราทำงานด้วย Passion ใช่ไหมครับ
แต่นั่นก็เป็นเพียงแนวคิดในอุดมคติ...
เพราะ Passion ก็เหมือนไฟที่มีวันลดลงจนมอดดับไปหากขาดการเติมเชื้อไฟอยู่เสมอ หรือที่เรียกว่า เข้าสู่ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout Syndrome) พนักงานในปัจจุบันส่วนมากเป็นคนยุคมิลเลนเนียลมักถูกมองว่ามีความอดทนน้อย เปลี่ยนงานบ่อย หมดไฟง่าย การเติมและการรักษา Passion ของพนักงานจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปเสียแล้ว
 

1. เข้าใจคาแรคเตอร์มนุษย์มิลเลนเนียล = กุญแจสำคัญ

 
อันดับแรกต้องเข้าใจในคาแรคเตอร์ของพนักงานวัยมิลเลนเนียลก่อนครับว่า คนวัยนี้รักอิสระ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง กล้าที่จะออกนอกกรอบนอกขนบประเพณี ดังนั้น อย่าไปจำกัดกรอบหรือระเบียบวินัยในการทำงานของเขามากจนเกินไป เพราะพวกเขาต้องการรักษาความสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวกับชีวิตทำงาน ระบบและวัฒนธรรมการทำงานแบบเดิม ๆ จะยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดและเบื่อหน่าย ควรจะมีกรอบของกฎเกณฑ์ที่ยืดหยุ่นได้ เพื่อให้พื้นที่ในการแสดงผลงานได้อย่างเต็มที่
 

2. เคารพชีวิตส่วนตัว = ไว้ใจ

 
การโทรตามงานนอกเวลา หรือคอยจับผิดเวลาเล่น Facebook หรือ LINE จะยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าถูกหน้าที่การงานเข้ามากลืนกินชีวิตส่วนตัวมากขึ้น
เช่นเดียวกับพนักงานยุคก่อน บุคลากรวัยมิลเลนเนียลก็ต้องการได้รับความไว้วางใจจากเจ้านายเช่นกัน ซึ่งความไว้วางใจนี้จะทำให้พวกเขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรได้
 

3. รางวัล = เรื่องแฟร์ ๆ

 
การที่พนักงานทำผลงานได้ดีแล้วองค์กรจะให้รางวัล ไม่ว่าจะเป็นโบนัส การพาไปเอ้าท์ติ้งต่างประเทศ หรือรางวัลในรูปแบบอื่น ๆ คนยุคมิลเลนเนียลไม่ได้มองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกำลังใจให้เขาพัฒนาความสามารถเท่านั้น แต่ยังมองว่าเป็น ‘ความแฟร์’ หรือ ‘สิทธิ์ที่เขาพึงได้รับ’ จากความอุตสาหะที่ผ่านมาอีกด้วย จะเห็นได้ว่าองค์กรสมัยใหม่จึงค่อนข้างแข่งขันกันในส่วนของสวัสดิการพนักงาน เพราะหากองค์กรใดละเลยในจุดนี้ก็ยากที่จะดึงดูดคนเก่ง ๆ มาทำงานให้องค์กร
 

4. เห็นเป้าหมาย = รู้อนาคต

 
มนุษย์มิลเลนเนียลจะชอบทำงานอย่างมีเป้าหมาย ลึก ๆ แล้วเขาไม่ได้โฟกัสเพียงว่า สิ้นเดือนจะได้ผลตอบแทนเท่าไร แต่พวกเขาแคร์ว่าตนเองอยู่ในองค์กรที่มีทิศทางที่ชัดเจนหรือไม่ เช่น หากองค์กรนั้นเป็นบริษัท Startup ที่เพิ่งเปิดใหม่ ธุรกิจยังไม่นิ่ง ไม่สามารถทำให้พนักงานเห็นอนาคตของการทำงานในบริษัทนี้ได้ ฯลฯ ก็ยากที่จะรักษาพนักงานไว้ในองค์กรได้นาน ๆ การกำหนดทิศทางขององค์กรที่จำกัดให้รู้กันภายในผู้บริหารเพียงไม่กี่คนแบบวัฒนธรรมองค์กรยุคเก่า จึงอาจกลายเป็นสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณากันใหม่แล้ว
manage passion successful team millennials - Celebrating success. Group of young business people throwing documents and looking happy while sitting at their working places in office.
 

5. ออฟฟิศเก๋ ๆ เท่ ๆ = ที่มาของความคิดสร้างสรรค์

 
ทำไมบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google จึงต้องลงทุนและให้ความสำคัญกับการตกแต่งออฟฟิศและห้องอาหารพนักงาน? จนมีภาพ “ออฟฟิศในฝัน” ของ Google ออกปรากฏแก่สายตาคนทั่วไป
เพราะส่วนหนึ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนพนักงานในองค์กรก็คือ สภาพแวดล้อมในที่ทำงาน ออฟฟิศควรจะมีสภาพแวดล้อมที่ส่งพลัง (energy) ในการทำงานมาที่ตัวบุคคล บรรยากาศเป็นแง่บวก (good vibe) และผ่อนคลาย มีที่ให้นั่งถกปัญหากันเหมือนในร้านกาแฟ ส่งเสริมให้ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ไปพร้อม ๆ กับมุมคลายเครียด
ภาวะหมดไฟในการทำงานเกิดได้กับทุกคนในองค์กร แต่ผู้บริหารองค์กรก็มีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะช่วยไม่ให้เกิดขึ้น ลองปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรให้ทันตามยุคสมัยเพื่อดึงดูดและรักษาบุคลากรดี ๆ ไว้กับบริษัทครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา