IFC ลงทุนในตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) และตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล (Blue Bond) ที่ออกครั้งแรกในประเทศไทยโดยกรุงศรี สนับสนุนการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพ

15 มิถุนายน 2566

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 15 มิถุนายน 2566—IFC เข้าลงทุนในตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) และตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล (Blue Bond) มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ออกโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (หรือเรียกว่า กรุงศรี) เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน (Blue Economy) และช่วยเร่งจัดสรรเงินทุนสำหรับโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ตลอดจนสนับสนุนการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล

ภายใต้การสนับสนุนผ่านการลงทุนดังกล่าวจาก IFC กรุงศรี ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ในประเทศไทย จะดำเนินการสนับสนุนด้านเงินทุนจำนวนรวม 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แก่โครงการธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเลที่มีศักยภาพ อาทิ การจัดหาแหล่งน้ำสะอาด การประมง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและอื่น ๆ และสนับสนุนเงินทุนส่วนที่เหลือแก่โครงการธุรกิจเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอื่น อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อรายย่อย ทั้งนี้ การออกตราสารหนี้ทั้งหมดจะดำเนินไปตามหลักการตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond Principles) ของสมาคมตลาดทุนนานาชาติ (International Capital Market Association) โดยในส่วนของการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเลจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ IFC (IFC’s Guidelines for Blue Finance)

นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การออกตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) และตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล (Blue Bond) เป็นครั้งแรกนี้ จะทำให้ธนาคารสามารถเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินเพื่อการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายระยะกลาง ในการสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจที่ส่งเสริมความยั่งยืนเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้าน - 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573" “นอกจากนี้ ภายใต้การสนับสนุนของ IFC ธนาคารจะยังคงความเป็นผู้นำตลาดที่แข็งแกร่งในการออกตราสารหนี้เพื่อการลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ (Thematic Bond) ในฐานะพันธมิตรที่ลูกค้าธุรกิจไว้วางใจโดยเฉพาะในด้านผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ยั่งยืน”

นอกเหนือจากการลงทุนดังกล่าวแล้ว IFC จะสนับสนุนกรุงศรีในการพัฒนากรอบการทำงานในการออกตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) และตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล (Blue Bond) และพัฒนาระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนทางการเงินเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล

นางสาวเจน หยวน ซู (Jane Yuan Xu) ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ของ IFC กล่าวว่า “การเงินเพื่อความยั่งยืนและการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนยังคงเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ในการดำเนินงานของ IFC ในประเทศไทย และ IFC มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับกรุงศรี ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของเราในโครงการที่สำคัญนี้”

“การลงทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มการสนับสนุนทุนเงินสำหรับโครงการธุรกิจเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและเพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญสู่เป้าหมายด้านการบริหารจัดการสภาพภูมิอากาศของประเทศ”

ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียประสบกับคลื่นความร้อนที่ทวีความรุนแรงมากเป็นประวัติการณ์ และส่งผลกระทบที่ร้ายแรงตามมา โดยคณะกรรมาธิการร่วมด้านการค้า อุตสาหกรรม และการธนาคาร (กกร.) ได้รายงานว่าภัยแล้ง น้ำท่วม และสภาวะอากาศแบบสุดขั้วอื่น ๆ ได้ทวีความรุนแรงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และอาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยเป็นมูลค่ากว่า 36,000 ล้านบาทในปีนี้

ความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศที่สำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับประเทศไทยคือภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจด้านทรัพยากรทางทะเล ซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 30 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ จากข้อมูลของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ประเทศไทยมีขยะที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้องเฉลี่ยปีละ 1.03 ล้านตัน และจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของขยะดังกล่าวถูกปล่อยให้ไหลลงสู่ทะเล โดยประเทศไทยยังติดอันดับ 1 ใน 6 ของประเทศทั่วโลกที่ก่อให้เกิดมลพิษพลาสติกในทะเลอีกด้วย
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา