“ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” คุ้มจริง หรือแค่การตลาด? เทรนด์มาแรงในกลุ่ม Gen Z

หมดไปเท่าไหร่แล้วกับคำว่า “ของมันต้องมี” โดยเฉพาะวัยรุ่น วัยเรียนที่ต้องตามเทรนด์ ไม่ว่าจะอาหาร ขนมร้านเด็ด เช็กอินคาเฟ่เก๋ ๆ หรือจะเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอาง และอีกมากมาย ที่ต้องคอยเกาะกระแสให้ทัน ของบางอย่างราคาอาจจะสูง หรือช็อปบ่อย ๆ ไม่ไหว เปลืองเงินเกินไป สมัยนี้ก็มีช่องทางออนไลน์ให้ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” หรือ “Buy Now Pay Later” ที่ให้เราช็อปได้อย่างง่ายดาย แบบเอาของไปใช้ก่อน ค่อยทยอยจ่ายเงิน... วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” ให้มากขึ้น ว่าคุ้มจริง หรือแค่การตลาดหลอกล่อให้เราช็อปรัว ๆ ถ้าพร้อมแล้ว ตามมาเลย
“ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” เป็นบริการที่ผู้ซื้อสามารถซื้อสินค้าและบริการโดยไม่ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน และสามารถนำสินค้าและบริการไปใช้ก่อนได้โดยไม่ต้องรอ ในการจ่ายค่าสินค้าและบริการก็สามารถผ่อนชำระได้เป็นงวด ๆ อีกทั้งยังเลือกจำนวนงวดที่ต้องการผ่อนได้ด้วย โดยอาจจะมีดอกเบี้ย หรือไม่มีดอกเบี้ยก็ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้ให้บริการ

ในปัจจุบันบริการ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และเป็นที่ชื่นชอบของคนยุคใหม่อย่างมาก แต่ก็ใช่ว่าบริการนี้จะมีแต่ด้านดี ๆ งั้นเรามาดูข้อดี-ข้อเสียของบริการ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” กันดีกว่า
ข้อดี

1. สะดวก ผู้ซื้อขอวงเงินผ่านช่องทางออนไลน์ และได้รับอนุมัติรวดเร็ว ไม่ต้องตรวจสอบเอกสารให้วุ่นวาย
2. ไม่ต้องจ่ายเงินก้อน สามารถผ่อนชำระเป็นงวด ๆ และผู้ให้บริการบางรายอาจมีตัวเลือกผ่อนแบบดอกเบี้ย 0% หรือมีโปรโมชันต่าง ๆ เพื่อดึงดูดใจ อาทิ เริ่มชำระงวดแรก 1 เดือนหลังจากซื้อสินค้า
3. ตอบโจทย์ “ของมันต้องมี” ช่วยลูกค้าที่มีกำลังการใช้จ่ายที่จำกัดให้ซื้อสินค้าและบริการที่ต้องการได้
4. ลดปัญหาเงินกู้นอกระบบ ที่กู้ยืมกันเองแบบไม่มีกฎหมายรองรับ

ข้อเสีย

1. ดอกเบี้ยสูง เนื่องจากผู้ให้บริการ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” บางราย คิดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยของบัตรเครดิต
2. มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง ผู้ให้บริการบางรายอาจคิดค่าธรรมเนียมการดำเนินการ ซึ่งผู้ซื้อจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนตัดสินใจ
3. สร้างนิสัยก่อหนี้ การซื้อก่อนจ่ายทีหลังอาจทำให้ผู้ซื้อที่ขาดประสบการณ์เกิดความเคยชินกับการกู้ยืม สุดท้ายอาจสร้างนิสัยการชอบก่อหนี้ขึ้น หรือในกรณีที่ผู้ซื้อไม่สามารถจ่ายคืนได้ตรงตามเวลาที่กำหนด ก็นำไปสู่การเป็นหนี้ได้
4. กระตุ้นให้ใช้จ่ายเกินตัว จนไปถึงขาดวินัยทางการเงิน อาจนำไปสู่การเสียประวัติทางการเงิน และเสียเครดิต
5. จำกัดร้านค้า เพราะสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่เป็นพันธมิตรหรือแพลตฟอร์มที่รองรับการจ่ายเงินลักษณะนี้เท่านั้น

จะเห็นได้ว่าบริการ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” แม้ว่าจะสะดวก แต่ก็มีข้อควรระวังอยู่มาก ซึ่งหากน้อง ๆ ต้องการใช้วงเงินเพื่อซื้อสินค้าก่อน แล้วจ่ายทีหลัง การใช้บัตรเครดิตนับเป็นอีกทางเลือกที่ปลอดภัย และคุ้มค่ากว่า ดังนี้
 

1. ผ่อนสินค้าดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 10 เดือน ทยอยจ่ายแบบปลอดภัยไม่มีดอกเบี้ย
2. ช่วยสร้างประวัติทางการเงินในระบบ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับการทำธุรกรรมกับธนาคารในอนาคต หรือหลังเรียนจบ เช่น การขอสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อเพื่อการทำธุรกิจ เป็นต้น
3. ฝึกการวางแผนใช้จ่ายและสร้างวินัยทางการเงิน เพราะเมื่อใช้บัตรเครดิต เราจะได้รับใบแจ้งยอดบัญชี พร้อมรายละเอียดการใช้จ่าย ซึ่งสามารถนำมาพิจารณาทบทวนถึงความเหมาะสมและความจำเป็นในการใช้จ่าย เพื่อนำมาปรับปรุงแผนการใช้เงินในอนาคต
4. ไม่เป็นหนี้แน่นอน เมื่อชำระเงินคืนแบบเต็มจำนวนภายในวันที่กำหนด ก็จะไม่มีการคิดดอกเบี้ยใด ๆ
5. เป็นการใช้จ่ายอย่างชาญฉลาด เพราะได้รับสิทธิประโยชน์คุ้ม ๆ มากมาย อาทิ โปรโมชันร้านค้า เครดิตเงินคืน สะสมแต้มทุกการใช้จ่าย เป็นต้น
6. อิสระในการใช้จ่าย เพราะใช้บัตรเครดิตได้หมดทั้งช็อปออนไลน์ และรูดจ่าย/แตะจ่ายที่ร้านค้า

ซึ่งกรุงศรีก็มีบัตรเครดิตนักศึกษา ที่ออกแบบมาเพื่อนักศึกษาโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเรียนสถาบันไหนก็สามารถสมัครได้ เพียงมีอายุ 20-25 ปี สมัครง่ายที่ธนาคารกรุงศรี ทุกสาขา ไม่ต้องใช้เอกสารรายได้ ซึ่งบัตรเครดิตนักศึกษาใบนี้เหมาะมากที่จะเป็นบัตรเครดิตใบแรกในชีวิตของน้อง ๆ นักศึกษา เพราะเป็นบัตรเครดิตแบบใช้เงินฝากค้ำประกัน มีวงเงินจำกัด ปลอดภัยน้อง ๆ ไม่ใช้จ่ายเกินตัวแน่นอน ทั้งนี้ไม่ว่าจะช็อปด้วยวิธีไหน อย่าลืมนึกไว้เสมอว่าควรช็อปเท่าที่จำเป็น ไม่ฟุ่มเฟือย เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นทาส “ของมันต้องมี” แน่นอน
 

• อัตราดอกเบี้ยปกติ 16% ต่อปี ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
• เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด กำหนด