มารู้จัก FIRE พฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่โหมเก็บเงิน เร่งเกษียณให้เร็วขึ้น
เพื่อยามเกษียณ
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

มารู้จัก FIRE พฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่โหมเก็บเงิน เร่งเกษียณให้เร็วขึ้น

icon-access-time Posted On 30 สิงหาคม 2567
By Krungsri The COACH
ทุกยุคทุกสมัยก็มักจะมีเทรนด์หรือพฤติกรรมการเก็บเงินใหม่ ๆ เกิดขึ้น ซึ่งในยุคปัจจุบันก็มีเทรนด์การเก็บเงินที่หลายคนน่าจะเคยได้ยินมาบ้าง นั่นก็คือ Fire Movement (FIRE) และวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับเทรนด์การเงินที่ว่านี้กัน มาลองดูว่าใช่ตัวคุณหรือเปล่า…

Fire Movement คืออะไร?

FIRE ย่อมาจาก Financial Independence, Retire Early แปลตรง ๆ ได้ว่า อิสรภาพทางการเงินเพื่อการเกษียณให้เร็ว ใช้เรียกกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดอยากมีอิสรภาพทางการเงินไว ๆ โดยมีการวางแผนเก็บออมชัดเจน โหมเก็บเงินอย่างหนัก เพื่อให้มีเงินเยอะพอที่จะเกษียณได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ ไม่ต้องรอจนถึงอายุ 60 ปี

คนกลุ่มนี้จะเก็บออมเงินอย่างหนัก ใช้เงินประหยัด ควบคุมรายจ่าย พร้อมกับหารายได้เพิ่มจากหลากหลายช่องทาง และมีการลงทุน กล้าเสี่ยง เพื่อต้องการผลตอบแทนที่มากขึ้น
 
หญิงสาววางแผนออมเงินเกษียณ

จุดเริ่มต้นของ FIRE มาจากหนังสือ Your Money or Your Life เขียนโดย Vicki Robin และ Joe Dominguez ถูกตีพิมพ์ตั้งแต่ในช่วงปีค.ศ. 1992 โดย Joe Dominguez เป็นอดีตนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท และสามารถเกษียณตัวเองได้เมื่ออายุเพียง 31 ปี เขาจึงนำประสบการณ์ต่าง ๆ มาเขียนหนังสือเล่าถึงแนวคิด Financial Independence หรืออิสรภาพทางการเงิน แก่นของ FIRE มีอยู่ว่าคนรุ่นใหม่อย่างกลุ่ม Gen Y หรือ Millennium ที่ปัจจุบันจะอยู่ในช่วงวัยเรียนจบใหม่หรือคนทำงานที่ยังอายุไม่เยอะ ได้เติบโตในครอบครัวที่พ่อแม่ประสบความสำเร็จ ได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี มีการศึกษาที่ดี เป็นคนกล้าคิด กล้าแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเอง รักอิสระ ปัจจัยเหล่านี้ได้ส่งผลต่อความคิดแนวทางการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน และพฤติกรรมการใช้เงินของพวกเขา

คนกลุ่มนี้จะมีการวางแผนเพื่ออนาคต โดยมีเป้าหมายคือ มีชีวิตเป็นของตัวเอง ได้ออกไปใช้ชีวิต ทำในสิ่งที่ตัวเองรักโดยไม่ต้องกังวลเรื่องรายได้ แต่การจะทำแบบนั้นได้ต้องมีเงินที่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และครอบคลุมถึงรายจ่ายในอนาคตระยะยาว รวมถึงอาจจะต้องมีเงินเพียงพอสำหรับวัยเกษียณอีกด้วย

ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงหาแนวทางการสร้างรายได้เพื่อเก็บเงินก้อนใหญ่ให้เพียงพอแล้วค่อยออกไปใช้ชีวิตอิสระ ไม่ต้องทำงานประจำเหมือนคนอื่น ๆ อีกต่อไป
 
หญิงสาววางแผนเกษียณตั้งแต่อายุน้อย
 

How to เก็บเงินสไตล์ FIRE

1. เก็บออมเงินอย่างมีประสิทธิภาพ

สมการการเก็บออมของคนกลุ่มนี้คือ “รายได้ – เงินออมเงินหรือเงินลงทุน = รายจ่าย” หากอยากเก็บเงินแบบ FIRE ต้องเริ่มจาก “ออมก่อนค่อยใช้” เพื่อจะได้บริหารเงิน และควบคุมการใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น
 

2. มีเครื่องมือออมเงิน

เพื่อให้เก็บเงินถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างมีประสิทธิภาพ มีวินัย คนที่มีแนวคิด FIRE จะใช้เครื่องมือมาช่วย อาทิ ทำบันทึกรายรับ รายจ่าย และการเก็บออมลงทุน หรือทำตารางออมเงิน ช่วยเตือนให้ไม่ลืมเก็บเงิน โดยตารางออมเงินจะมีทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน หรืออาจเป็นตารางที่เอาจำนวนเงินตั้งเป้าหมาย เช่น ตารางออมเงิน 50,000 บาท เป็นระยะเวลา 100 วัน เป็นต้น
 

3. โหมเก็บเงินอย่างหนัก ตั้งเป้าออมเงิน 70% ของรายได้

พฤติกรรมของคนกลุ่ม FIRE จะโหมเก็บเงินหนักกว่าคนทั่วไป โดยจะเก็บเงินมากถึง 50 - 70% ของรายได้ จนกว่าจะมีเงินออมที่มากกว่ารายจ่ายต่อปีประมาณ 30 เท่า จึงจะตัดสินใจเกษียณตัวเอง และลาออกจากงานประจำ
 

4. ควบคุมค่าใช้จ่าย และตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก

จากการที่คนกลุ่ม FIRE ต้องการเก็บเงินสูงถึง 70% ของรายได้ จึงจำเป็นให้คนกลุ่มนี้ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดเพื่อเอาเงินไปเก็บออม หรือลงทุนต่อยอดทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ หากรายจ่ายไหนไม่จำเป็นก็จะตัดออกไป ใช้จ่ายอย่างมีเหตุมีผลมากกว่าคนทั่วไป
 

5. เน้นลงทุนให้เงินงอกเงย กล้าลงทุนความเสี่ยงสูง

คนกลุ่มนี้ศึกษาเรื่องการลงทุน เพื่อนำเงินออมไปลงทุนให้งอกเงย และได้ผลตอบแทนที่มากขึ้น จะได้มีเงินถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้เร็วขึ้น บางคนลงทุนในหุ้นเติบโตสูง ในขณะที่บางคนเน้นลงทุนกองทุนรวม เนื่องจากใช้เงินลงทุนไม่เยอะ เลือกลงทุนได้หลากหลายสินทรัพย์ตามระดับความเสี่ยงที่รับได้ และยังมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลบริหารจัดการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสไตล์ความชื่นชอบ และความถนัดของแต่ละคน แต่ส่วนใหญ่มักจะกล้าลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง เพื่อต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนที่มากกว่า นอกจากนี้ เมื่อลงทุนไปแล้ว จะมีการติดตาม และวัดผลพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
 

6. บริหารเงินเกษียณด้วยกฎ 4%

ใช้แนวคิดวิธีการจัดการเงินเกษียณด้วยกฎ 4% ซึ่งคิดค้นโดย William Bengen ในปี 1994 เป็นแนวคิดถอนเงินออกมาใช้จ่ายประมาณปีละ 4% ของเงินในพอร์ต โดยไม่ทำให้เงินต้นหมดลง หรืออาจจะลดลงช้ามาก ๆ จนสามารถมีกินมีใช้ได้จนวันสุดท้ายของชีวิต

ตัวอย่างเช่น มีเงินออมสำหรับเกษียณ 5 ล้านบาท คาดหวังจะได้ผลตอบแทนจากพอร์ตเฉลี่ย 7% ต่อปี หากถอนเงินปีละ 4% ของเงินในพอร์ต หรือประมาณ 200,000 บาท เงินในพอร์ตนี้จะหมดในอีก 72 ปีข้างหน้า

ข้อดีของการเก็บเงินแบบ FIRE

1. มีอิสระในการใช้ชีวิตตามแบบที่ชอบ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน

เมื่อเรามีเงินก้อนใหญ่ที่มากเพียงพอสำหรับไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณ และมีเงินอีกก้อนเพียงพอสำหรับใช้ชีวิตอิสระ ก็จะได้ทำในสิ่งที่เคยฝันไว้ หรือก้าวออกมาใช้เวลาค้นหาตัวเองเพิ่มเติม เปิดโอกาสให้ตัวเองได้พบเจอกับมุมมองอื่น ๆ เช่น ออกเดินทางท่องเที่ยว ลองทำกิจกรรมที่ชอบ หรือแม้แต่ลงทุนทำกิจการเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง
 
ชายหนุ่มได้เกษียณอายุก่อน 60
 

2. ได้เกษียณเร็ว ได้ออกจากงานประจำเร็วกว่าคนอื่น

คนทั่วไปมักเกษียณตอนอายุ 60 ปี แต่กลุ่มคน FIRE จะสามารถเกษียณได้ในวัยประมาณ 40 ปี ทำให้มีเวลาได้ใช้ชีวิตอิสระมากกว่า ไม่ต้องทำงานประจำจนถึงอายุ 60 ปี รวมถึงไม่ต้องกังวลว่าเราจะตกงานก่อนในวันที่ยังเก็บเงินไม่พอเกษียณ
 

3. สร้างวินัยเก็บออมเงิน

เนื่องจากคนกลุ่ม FIRE จะต้องเก็บออมเงินเป็นประจำสม่ำเสมอ ดังนั้นการฝึกตัวเองเก็บออมเงินทุกเดือนก็ถือเป็นการสร้างวินัยไปในตัวด้วย เพราะหากขาดช่วงการเก็บเงินไปอาจจะทำให้เกษียณได้ช้าลงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
 

4. มีทักษะในการบริหารจัดการเงิน และวางแผนการเงิน

ยิ่งเราบริหารจัดการเงินได้ดีก็จะยิ่งทำให้มีเงินเก็บออม และลงทุนมากขึ้น คนกลุ่มนี้จึงได้พัฒนาทักษะการบริหารจัดการการเงินของตัวเอง รู้จักการลดรายจ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น ใช้จ่ายอย่างมีเหตุมีผล และรอบคอบกับการใช้เงินเสมอ
 

ข้อควรระวังของการเก็บเงินแบบ FIRE

1. อาจรู้สึกกดดันเกินไป จนไม่มีความสุข

จะเห็นได้ว่าคนกลุ่ม FIRE จะเก็บเงินเยอะ และเหลือเงินใช้จ่ายในสัดส่วนที่น้อย หรือเรียกอีกอย่างว่า ใช้ชีวิตอย่างประหยัด อยู่อย่างพอเพียง เช่น งดกินเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อน ไม่ซื้อเสื้อผ้าบ่อย ไม่มีสมาชิกรายเดือนของแอปสตรีมมิ่ง ดูหนัง ฟังเพลงต่าง ๆ เป็นต้น จึงอาจทำให้เกิดความกดดัน เครียดได้
 

2. ต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง

สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงตามไปด้วย ดังนั้นผู้ลงทุนจึงต้องคอยอัปเดตความรู้ สถานการณ์ตลาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการลงทุน ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเครียดตามมา โดยเฉพาะในช่วงเวลาตลาดขาลง หรือมีวิกฤตต่าง ๆ
 

3. ต้องวางแผนใช้จ่ายเงินช่วงหลังเกษียณให้รอบคอบ

ตามทฤษฎีของ FIRE เมื่อหลังเกษียณจะใช้จ่ายเงินด้วยกฎ 4% เป็นการถอนเงินในอัตราส่วน 4% ของจำนวนเงินเก็บคงเหลือในพอร์ต ซึ่งหากเราเกษียณตอนอายุยังน้อย ๆ การถอนเงินออก 4% ทุกปีอาจจะทำให้เงินในพอร์ตไม่สามารถเลี้ยงเราไปจนถึงวันสุดท้ายได้ ดังนั้นเมื่อเราวางแผนเก็บเงินเพื่อเกษียณอายุแล้ว อย่าลืมวางแผนการถอนเงินจากพอร์ตออกมาใช้จ่ายด้วย เพราะหากเงินไม่เพียงพอจนถึงวันนั้นเราอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแผน
 
คู่รักช่วยกันวางแผนออมเงินเกษียณ

จะเห็นได้ว่า การโหมเก็บเงินอย่าง FIRE ช่วยให้เราสามารถเกษียณได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่การเก็บเงินหนักสุดขั้วก็อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะสุขภาพทางการเงินของแต่ละคนก็มีนิยามที่แตกต่างกัน แต่ไม่ว่าใครก็สามารถนำบางไอเดียของ FIRE มาปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้ เช่น เราไม่ต้องออมสุดขั้วจนชีวิตไม่ได้ทำอะไร อาจจะหยิบแค่ FI (มีอิสรภาพทางการเงิน / Financial Independence) มาใช้เพียงอย่างเดียว โดยไม่สนใจ RE (เกษียณไว / Retire Early) หากออมเงินสุดขั้วมากเกินไป บางคนก็คงรู้สึกต้องกดดันกับชีวิตตัวเองและอาจจะใช้ชีวิตแบบไม่มีความสุขเลย แต่อาจจะลองเปลี่ยนเป็นการเพิ่มรายได้แทน ทั้งจากการทำงาน และให้เงินช่วยทำงานผ่านการลงทุน

เริ่มต้นเก็บออมเงินตั้งแต่วันนี้ ระหว่างทางแต่ละคนอาจจะมีวิธีการที่แตกต่างกัน บางคนอาจจะถึงปลายทางได้เร็วกว่า บางคนอาจจะช้ากว่า แต่ปลายทางทุกคนจะมีเงินใช้ตอนเกษียณและมีอิสรภาพทางการเงินอย่างแน่นอน
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา