เพื่อคุ้มครองคุณและครอบครัว
จะเป็นวัยรุ่น หรืออยู่ในช่วงวัยไหน? การมีสุขภาพร่างกายที่ดีก็ถือเป็นลาภอันประเสริฐ จริงไหม?
เพราะเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องธรรมชาติที่ห้ามกันไม่ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ การเตรียมพร้อมรับมือกับโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น และการสำรองเงินเพื่อค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ประกันสุขภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้
แต่เมื่อคิดได้แบบนี้ ก็ใช่ว่าจะเลือก
ประกันสุขภาพอะไรก็ได้นะ เพราะยุคนี้อะไรต่อมิอะไรก็ราคาสูงไปหมด แถมงบก็มีจำกัดด้วย ภาระค่าใช้จ่ายยังเรียงรายต่อแถวรอกันอีกเพียบ ดังนั้นก่อนที่จะวางแผนซื้อประกันสุขภาพทั้งแบบปกติและประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายจะต้องทำความเข้าใจกับทั้งสองสิ่งนี้ก่อน
ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลยว่า “ประกันสุขภาพ สำหรับคนที่มีงบจำกัดมีอะไรบ้าง?”
อย่างแรกต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า ประกันสุขภาพ คือ การให้ความคุ้มครองสำหรับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หรือการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ โดยที่ผู้เอาประกันสามารถซื้อประกันสุขภาพจากบริษัทประกันชีวิต สถาบันการเงินที่มีประกันชีวิต หรือบริษัทประกันวินาศภัยได้
ประโยชน์ของการทำประกันสุขภาพ
ประโยชน์จากการทำประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองต่อผู้เอาประกันภัย ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยมีการเจ็บป่วยจากโรคภัยต่างๆ หรือได้รับการบาดเจ็บทางร่างกาย เนื่องจากอุบัติเหตุ และหากการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยนั้น ส่งผลให้ผู้เอาประกันภัยต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล บริษัทประกันภัยจะเป็นผู้เข้ามารับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลของผู้เอาประกันภัยนั่นเอง
3 เหตุผลหลักที่ควรมีประกันสุขภาพ
1. ช่วยวางแผนการเงินได้
ถึงแม้จะไม่ได้ใช้ประกันสุขภาพในทันที แต่เมื่อเราเกิดป่วยฉุกเฉินขึ้นมา ก็เหมือนมีตัวช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาล ที่มีทั้งห้อง ค่ายา ค่าแพทย์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่า
เงินเก็บสำรองที่หามาได้จะต้องหมดไปกับค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น เพราะประกันสุขภาพจะคุ้มครองค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เรา
2. มีผู้ช่วยคอยดูแล
ทุกคนล้วนมีสวัสดิการสุขภาพขั้นพื้นฐานคอยดูแลอยู่แล้วใช่ไหม เลยละเลยการทำประกันสุขภาพ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ และพร้อมพรากเงินเก็บไปจากเราได้ทุกเมื่อ มากไปกว่านั้น สวัสดิการที่มีก็อาจไม่เพียงพอ หรือครอบคลุมต่อการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น ดังนั้นการทำประกันสุขภาพเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆจะช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลส่วนเกินตรงนี้ได้
3. ได้ประโยชน์แบบ 2 ต่อ คุ้มครองสุขภาพและลดหย่อนภาษี
หลายคนคิดว่าการมีประกันสุขภาพนั้นไม่คุ้มเอาเสียเลยเพราะต้องจ่ายเบี้ยทิ้งเปล่า ๆ แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด เพราะประกันสุขภาพไม่เพียงคุ้มครองสุขภาพเพียงเท่านั้น แต่ยังนำมาใช้เพื่อลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ได้ทั้งประกันสุขภาพของตัวเอง ของคู่สมรส หรือของพ่อแม่
ทำไมต้องทำประกันสุขภาพ?
หลายคนมักมีความคิดไม่ค่อยดีกับการทำประกันสุขภาพ เพราะคิดว่าไม่จำเป็น และเป็นการเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่เราลืมนึกไปว่า “เราห้ามโรคร้าย หรืออุบัติเหตุจนอาจจะต้องเข้าโรงพยาบาลไม่ได้” เมื่อมีเหตุต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลทำให้หมดค่าใช้จ่ายไปเยอะ
การทำประกันสุขภาพถือเป็นการจ่ายเงินเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงในด้านสุขภาพ การเจ็บป่วย รวมถึงการรักษาพยาบาลที่เกิดจากอุบัติเหตุ หรือแม้กระทั่งอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่กรมธรรม์มีผลบังคับ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การทำประกันสุขภาพ ถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการรักษาพยาบาลได้เป็นอย่างดี
เห็นหรือยังว่าการมีประกันสุขภาพสักเล่มนั้นดีแค่ไหน ถ้าชอบการฟังแบบรวดเดียวจบ คลี่คลายประเด็นเกี่ยวกับประกันสุขภาพที่กำลังสงสัย ขอแนะนำ
Krungsri The COACH Ep.39 รับมือ 3 โรคฮิตด้วยประกันแบบสบายกระเป๋า ไปฟังกันเลย
ความแตกต่างระหว่างประกันสุขภาพในแต่ละประเภท มีอะไรบ้าง?
ประกันแบบครบวงจร
ประกันสุขภาพประเภทแบบครบวงจร จะครอบคลุมตั้งแต่การเจ็บป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาล มีค่าหมอ ค่ารักษาพยาบาล และในกรณีที่รักษาเสร็จแล้วมีค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง แต่ในบางประเภทอาจจะมีในส่วนการชดเชยรายได้ ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล และต้องนอนแอดมิทจนไม่สามารถไปทำงานได้ ทางประกันจะมีค่าชดเชยให้ในส่วนที่ต้องหยุดงานโดยจ่ายเงินชดเชยเป็นแบบรายวัน ซึ่งประกันรูปแบบนี้จะมีการเก็บเบี้ยประกันที่ค่อนข้างสูงในแต่ละปี
แต่ถ้าใครที่มีงบจำกัดจะเป็นในส่วนของ…
ประกันสุขภาพเฉพาะโรค โดยที่จะแบ่งออกได้ 5 รูปแบบ
- ประกันอุบัติเหตุที่ครอบคลุมเรื่องการเสียชีวิต ประกันรูปแบบนี้เหมาะกับคนที่ห่วงครอบครัว กลัวว่าถ้าหากเป็นอะไรอะไรไปครอบครัวจะลำบาก ซึ่งในกรณีที่เสียชีวิตครอบครัวก็จะได้รับผลประโยชน์ไปประกันสุขภาพรูปแบบนี้ เหมาะกับคนที่ห่วงครอบครัว กลัวว่าถ้าหากเป็นอะไรอะไรไปครอบครัวจะลำบาก ซึ่งในกรณีที่เสียชีวิตครอบครัวก็จะได้รับผลประโยชน์ไป
- ประกันอุบัติเหตุที่เคลมต่อครั้ง โดยประกันสุขภาพรูปแบบนี้เหมาะกับคนที่ชอบเดินทางบ่อยๆ ลุยๆ ไม่ค่อยระมัดระวัง เช่น หกล้มเป็นประจำ กลัวถูกรถเฉี่ยวชน เป็นต้น ซึ่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุก็จะได้รับการชดเชย
- ประกันโรคร้ายแรง เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องโรคร้าย และไม่อยากเสียเงินเป็นก้อนในการรักษา
- ประกันโรคร้ายแรงที่มีการชดเชยรายได้ เหมาะกับคนที่ทำงานมีรายได้รายวัน เช่น พนักงานรับจ้าง เจ้าของธุรกิจ SME ขนาดเล็ก เมื่อเข้ารับการรักษาต้องการรับค่าชดเชยรายวัน
- ประกันสุขภาพสำหรับผู้ป่วยนอก เหมาะกับคนที่ไม่มีสวัสดิการ ประกันสุขภาพประเภทนี้จะคุ้มครองเวลาเราเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ปวดท้อง เป็นไข้หวัด นั่นเอง
เมื่อรู้จักประกันสุขภาพกันแล้ว คำถามต่อมาที่ทุกคนกำลังสงสัยอยู่คือ..
ประกันสุขภาพประเภทไหนที่เหมาะกับเรา และประกันสุขภาพที่ไหนดีที่สุด เหมาะสำหรับคนที่งบน้อยต้องการจ่ายเบี้ยประกันน้อย?
แน่นอนว่าต้องเป็นประกันเฉพาะโรคอย่างแน่นอน เพราะสามารถเลือกประเภทที่เหมาะกับตัวเองได้นั่นเอง อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าประกันเฉพาะโรคนั้นแยกออกไปอีกตั้ง 5 ประเภท ดังนั้นคนงบน้อยอย่างเราก็ไม่ต้องกังวลอีกเลยเรื่องประกันสุขภาพ เพราะที่กรุงศรีเราเตรียมเรื่องประกันสุขภาพไว้ให้คุณแล้ว
ถ้ากำลังมองประกันสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เราขอแนะนำ กรุงศรี 3 โรคฮิตพลัส คุ้มครองอุบัติเหตุ และการเจ็บป่วย 3 โรคฮิต
- อาหารเป็นพิษ
- ไข้หวัดใหญ่
- ไข้เลือดออก
รับประกันภัยโดย บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
- ผู้ที่สามารถทำประกันสุขภาพนี้ได้ต้องมีอายุ 20-40 ปี
- ช่องทางในการซื้อนั้นง่ายมาก โดยสามารถทำได้ผ่าน App KMA-Krungsri Mobile Application ได้เลย
- ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ รายปีเริ่มต้นที่ 1,200 บาท/ปี (เฉลี่ยเดือนละ 100 บาท)
- คุ้มครองอุบัติเหตุ สูงสุด 500,000 บาท ชดเชยรายวันขณะรักษาตัวใน รพ. วันละ 500 บาท
- ดูแลค่ารักษาทั้งผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอก
เป็นอย่างไรบ้างกับข้อดีของการมีประกันสุขภาพติดตัวเอาไว้ ถึงเราจะไม่รู้ว่าโรคร้าย หรืออาการป่วยจะเกิดขึ้นกับเราวันไหน แต่เรามีแผนรับมืออย่างการมีประกันสุขภาพติดตัวไว้ใช้ได้ เมื่อวันนั้นที่โรคภัยมาถึง รับรองเลยว่าวันนั้นคุณจะหมดห่วงทุกค่าใช้จ่ายไปได้เลย เพราะ
ประกันสุขภาพจะช่วยจ่ายให้ได้อย่างแน่นอน