อัปเดต! สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ฉบับใหม่ที่คุณควรรู้

อ้างอิงจากประกาศของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่ได้มีการดำเนินการเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้บริโภค และแก้ไขปัญหาหนี้สินของผู้บริโภคที่ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ซึ่งจะมีการบังคับใช้จริงในวันที่ 10 มกราคม 2566 ซึ่งจะมีอัตราดอกเบี้ยแบบไหนบ้าง? เราไปไขข้อข้องใจพร้อม ๆ กันโดยเริ่มจากเราไปทำความเข้าใจความหมายของอัตราดอกเบี้ยกันก่อนเลย อัตราดอกเบี้ย หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นต้นทุนของเงิน จึงหมายความได้ว่าเมื่อเราจำเป็นต้องใช้เงินจะต้องยื่นขอสินเชื่อกับธนาคาร และถ้าธนาคารอนุมัติสินเชื่อ ก็จะมีการคิดค่าใช้จ่ายในการให้ยืมเงินก้อนนั้นเป็น “อัตราดอกเบี้ยเงินกู้” ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นผลตอบแทนที่ผู้ขอสินเชื่อจะต้องจ่ายให้แก่ธนาคารนั่นเอง ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท

1. อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate)

อัตราดอกเบี้ยคงที่ คือ อัตราดอกเบี้ยที่ถูกตั้งขึ้นมาในสัญญาระหว่างผู้กู้ และผู้ให้กู้ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยคงที่ จะไม่เปลี่ยนแปลงตามอัตราดอกเบี้ยตลาด จะมีค่าคงที่ตลอดจนครบกำหนดหมดอายุสัญญา แม้ผู้ขอกู้เงินจะนำเงินมาชำระก่อนกำหนด “ผู้ขอกู้ก็จะต้องชำระอัตราดอกเบี้ยเต็มจำนวนตามที่สัญญา” ที่ได้ทำไว้กับธนาคารนั้น ๆ ซึ่งตามประกาศใหม่อ้างอิงตามสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ค่างวดตามสัญญาเช่าซื้อเช่นเดิม แต่ในประกาศได้กล่าวไว้ว่าสถาบันการเงินจะต้องแสดงตารางคำนวณอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเพื่อให้ผู้บริโภครับทราบ

ซึ่งตัวอย่างที่จะแสดงต่อไปนี้จะเป็นการคำนวณแบบเดิมอยู่….
 
จะเห็นได้จากตัวอย่างที่แสดงไปข้างต้น ตัวอย่างเช่น เงินกู้ 500,000 บาท ดอกเบี้ย 5.67% คือ 48 เดือน ดังนั้นคำนวณดอกเบี้ยตามจำนวนเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวดเงินที่ผ่อนชำระแต่ละงวด ตามตัวอย่าง 11,667 บาท นำไปแบ่งจ่าย 2 ส่วน คือ จ่ายดอกเบี้ยก่อน และเงินงวดที่เหลือไปลดเงินต้น

เรามาดูตัวอย่างที่สองที่ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้กล่าวไว้ว่าให้สถาบันการเงินต้องแสดงอัตราดอกเบี้ยแท้จริงให้ผู้บริโภครับทราบ ซึ่งจะมีวิธีการคำนวณแบบไหนตามไปดูกันเลยในหัวข้อถัดไป

สำหรับใครที่สนใจฟังต่อแบบเต็ม ๆ ไม่มีสะดุดขอแนะนำ “Krungsri The COACH Ep.57 ไขข้อข้องใจ สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ฉบับใหม่ ที่คุณต้องรู้” จะมีรายละเอียดอะไรบ้างเข้าไปฟังกันต่อได้เลย

 

2. อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate)

อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก คือ สินเชื่อรูปแบบที่เมื่อเงินต้นลดลง “อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะลดลงตามไปด้วย” ซึ่งในการชำระค่างวดแบบผ่อนชำระในแต่ละครั้ง จะมีวิธีการคำนวณที่ต่างกันออกไปตามเงินต้นที่เหลืออยู่

ตัวอย่างการคำนวณต่อจากตัวอย่างข้างต้นที่ได้กล่าวไป
 
เอาอัตราดอกเบี้ย 5.67% เทียบเคียงจะเท่ากับอัตราดอกเบี้ยคงที่อยู่ที่ 3% ผ่อน 48 เดือน ค่างวดจะเท่าเดิมเลยก็คือ 11,667.67 บาท

โดยที่วิธีการคิดแบบลดต้นลดดอกทำได้โดย นำอัตราดอกเบี้ย 5.67 x 500,000 บาท จะได้ดอกเบี้ยออกมา โดยที่อัตราดอกเบี้ยจะคิดตามระยะเวลาอย่างเช่น 1 งวด เป็น 30 วัน ซึ่งดอกเบี้ยบน 30 วันมีค่าเป็นเท่าไหร่ สถาบันการเงินจะนำดอกเบี้ยที่ได้มานี้ไปหักออกจาก 11,667.67 บาท ส่วนที่เหลือจะเป็นเงินต้น และเอาไปตัดออกจากจำนวน 500,000 บาท ซึ่งในงวดต่อไปก็คำนวณเช่นเดียวกัน

ซึ่งในประกาศจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สาระสำคัญก็คือการคิดคำนวณสัญญาเช่าซื้อยังใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่เช่นเดิม แต่สถาบันการเงินจะต้องแสดงอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเพื่อความโปร่งใสแก่ผู้ให้บริการ โดยที่นำไปเปรียบเทียบกับสินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อส่วนบุคคลได้ เพื่อให้รับรู้ว่าอัตราดอกเบี้ยมีมากกว่า หรือน้อยกว่ากันเมื่อเทียบกับสินเชื่ออื่น ๆ
  1. การกำหนดกรอบอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อ มี 3 ประเภท (คำนวณเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี หรือ Effective Interest Rate)

• รถยนต์ใหม่ต้องไม่เกินอัตรา ร้อยละ 10 ต่อปี
• รถยนต์ใช้แล้ว ต้องไม่เกินอัตรา ร้อยละ 15 ต่อปี
• รถจักรยานยนต์ต้องไม่เกิน ร้อยละ 23 ต่อปี

2. หากผู้บริโภคนำเงินมาชำระค่างวดครบก่อนกำหนด (ปิดบัญชี) จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย ในการปิดค่างวดเป็นขั้นบันได มี 3 กรณีดังนี้

• ชำระค่างวดไม่เกินหนึ่งในสามของค่างวดตามสัญญา ให้ได้รับส่วนลดไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบของดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ
• ชำระค่างวดไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม แต่ไม่เกินสองในสามของค่างวดตามสัญญา ให้ได้รับส่วนลดไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ
• ชำระค่างวดเกินกว่าสองในสามของค่างวดตามสัญญา ให้ได้รับส่วนลดทั้งหมดของดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ

3. ติ่งหนี้ ในกรณีนำรถออกขายทอดตลาด
หากผู้บริโภคถูกยกเลิกสัญญา และผู้ให้เช่าซื้อนำรถออกขายทอดตลาด โดยปกติแล้วผู้บริโภคต้องรับผิดชอบค่างวดที่ค้างอยู่ตามสัญญาประกอบด้วยเงินต้น และดอกเบี้ยที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ ซึ่งประกาศฉบับนี้ให้คิดได้เฉพาะเงินต้นเท่านั้น

4. การคิดเบี้ยปรับในการผิดนัดชำระ
กรณีผู้บริโภคชำระค่างวดล่าช้า หรือผิดนัดชำระค่างวด ผู้ให้เช่าซื้อสามารถคิดเบี้ยปรับจากผู้บริโภคได้ไม่เกินอัตราร้อยละห้าต่อปี โดยคำนวณจากยอดเงินที่ผิดนัดชำระ
 

สรุป

ทั้งหมดที่ได้กล่าวไปนี้ก็เป็นเคล็ดลับ และเกร็ดความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสัญญาเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฉบับใหม่ ดังนั้น ใครที่วางแผนจะซื้อรถก็ควรที่จะอ่านสัญญาเช่าซื้อรถฉบับใหม่ให้ถี่ถ้วนก่อน หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่จะซื้อรถ และกำลังผ่อนชำระอยู่ เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบ เนื่องจากมีข้อกำหนดเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยต่าง ๆ ที่อาจจะก่อความสับสนให้กับผู้ที่กำลังจะซื้อรถ หรือผู้ที่ผ่อนรถยนต์อยู่ก็ได้