รถยนต์ ก็เหมือนกับร่างกายมนุษย์ ที่ภายในรถยนต์หนึ่งคันเต็มไปด้วยชิ้นส่วนอะไหล่ต่าง ๆ มากมายที่ช่วยให้รถยนต์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับร่างกายที่มีอวัยวะส่วนต่าง ๆ แต่สำหรับรถยนต์อะไหล่แต่ละชิ้นนั้นมีอายุการใช้งานที่ไม่เท่ากัน บ้างมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน บ้างมีอายุการใช้งานที่สั้น ในวันนี้ คานะ จะมาแนะนำ
อะไหล่รถยนต์เปลี่ยนบ่อย ที่คนมีรถควรรู้ ว่ามีชิ้นไหนบ้าง เพื่อเป็นความรู้ให้คนใช้รถสามารถนำไปปรับใช้ในการดูแลรถของคุณให้ดีมากยิ่งขึ้น
1. น้ำมันเครื่อง
ที่มาของรูป : freepik.com
น้ำมันเครื่องคือหนึ่งในสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ หากไม่มีน้ำมัน รถก็ไม่สามารถมีพลังงานที่จะทำให้ระบบต่าง ๆ ในรถทำงาน สำหรับการสังเกตน้ำมันเครื่องว่าควรเปลี่ยนเมื่อใดนั้น ให้สังเกตว่าหากน้ำมันเครื่องเริ่มมีสีดำนั่นแสดงว่าน้ำมันเริ่มมีความบกพร่องเสียตามการใช้งานปกติ หากไม่ทำการเปลี่ยน อาจส่งผลให้เครื่องยนต์ของรถมีปัญหา โดยปกติรถยนต์ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทุก ๆ หลังการขับทุก ๆ 6 เดือน หรือ 5,000 - 15,000 กิโลเมตร อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน หรือ ขึ้นอยู่ที่ประเภทของน้ำมันเครื่องที่ใช้
การดูแลน้ำมันเครื่อง
เนื่องจากน้ำมันเครื่อง เป็นสิ่งที่ต้องเปลี่ยนเมื่อเสื่อมอายุ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของเจ้าของรถยนต์ สำหรับรถยนต์ที่ใช้งานน้อยควรดูจากคู่มือรถที่ระบุระยะเวลาที่ควรเปลี่ยนน้ำมันรถ โดยส่วนใหญ่จะมีการกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ 6 เดือน หากเจ้าของรถฝืนใช้งานรถโดยไม่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่เสื่อมอายุ อาจส่งผลให้เกิดความชื้นภายในเครื่องยนต์ และก่อเกิดสนิม หรือคราบเขม่า
2. หลอดไฟต่าง ๆ
ที่มาของรูป : freepik.com
หลอดไฟต่าง ๆ ของรถยนต์ อาจเป็นส่วนที่เจ้าของรถไม่ได้สังเกตมากนัก เพราะหลอดไฟที่จำเป็นจะอยู่ภายนอกรถ ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า, ไฟเบรค และไฟเลี้ยว ซึ่งหน้าที่ของไฟเหล่านี้ล้วนแต่สำคัญ โดยเฉพาะช่วยลดอุบัติเหตุยามค่ำคืน สำหรับโอกาสที่อะไหล่ส่วนนี้จะเสียมักเกิดจากการใช้งานที่เป็นเวลานาน อาจทำให้หลอดไฟขาด มีแสงสว่างลดลง หรือหากมีการขับรถในบริเวณที่มีถนนขรุขระ เส้นทางที่ไม่เรียบ แรงสะเทือนระหว่างขับขี่อาจทำให้หลอดไฟหลุดจากตำแหน่งได้ ซึ่งการเปลี่ยนหลอดไฟ สามารถทำการเปลี่ยนผ่านศูนย์ซ่อม หรือเปลี่ยนไปด้วยตนเองก็ได้
การดูแลหลอดไฟ
อายุการใช้งานหลอดไฟรถยนต์นั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานรถยนต์ เนื่องจากหลอดไฟรถนั้นเป็นอะไหล่ที่มีอายุการใช้งานค่อนข้างนาน แต่หากพบว่าหลอดไฟมีความสว่างลดลงฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ควรเปลี่ยนหลอดไฟเป็นคู่พร้อมกัน เพราะหากเปลี่ยนเฉพาะฝั่งใดฝั่งหนึ่ง อาจทำให้หลอดไฟรถสว่างไม่เท่ากัน นอกจากนี้หนึ่งในวิธีการดูแลหลอดไฟรถยนต์ คือการหมั่นเช็กสภาพรถ เช่น ในตอนที่ตรวจสภาพการใช้งานรถประจำปี เป็นต้น
3. แบตเตอรี่
ที่มาของรูป : freepik.com
แบตเตอรี่รถยนต์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ แบตเตอรี่แบบแห้ง และแบตเตอรี่แบบเปียก ในส่วนของแบตเตอรี่แบบแห้งนั้น ผู้ใช้แทบไม่ต้องทำการดูแลใด ๆ และสามารถใช้งานจนหมดหมดอายุการใช้งาน แต่สำหรับแบตเตอรี่แบบเปียกนั้นควรจะต้องมีการเต็มน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับให้อยู่ในระดับที่พอดีอยู่สม่ำเสมอเพื่อให้แบตเตอรี่ สามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้เต็มที่ ซึ่งอายุการใช้งานของแบตเตอรี่นั้น จะมีอายุการใช้งานประมาณ 2 - 3 ปี ตามการใช้งานของผู้ใช้
การดูแลแบตเตอรี่
วิธีการดูแลให้แบตเตอรี่สามารถมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ครบอายุไข ผู้ใช้สามารถดูแลได้หลายวิธี เช่น การหลีกเลี่ยงการขับระยะสั้น, หมั่นตรวจจุดยึดแบตเตอรี่ว่าอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องหรือไม่ และหมั่นทำความสะอาดแบตเตอรี่บ่อย ๆ ด้วยวิธีเบื้องต้นเหล่านี้ก็สามารถช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ให้อยู่กับรถไปได้ยาว ๆ
4. หัวเทียน
ที่มาของรูป : freepik.com
หัวเทียนเป็นส่วนที่ทำหน้าที่ในการจุดระเบิด ทำให้เกิดการเผาไหม้เพื่อดันลูกสูบให้เคลื่อนที่ และยังเป็นส่วนที่สร้างกำลังขับเคลื่อนให้กับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน โดยทั่วไปนั้นหัวเทียนจะเกิดความบกพร่องเสียตามการใช้งานปกติ หลังจากที่ใช้งานมากกว่า 40,000 กิโลเมตรขึ้นไป หากหัวเทียนเกิดอาการความบกพร่อง หรือที่เรียกว่า ‘หัวเทียนบอด’ จะส่งผลให้เครื่องยนต์ของรถมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง และอาจทำให้รถเกิดอาการสะดุดในระหว่างที่ขับรถ
การดูแลหัวเทียน
หัวเทียนเป็นอะไหล่ที่เจ้าของรถสามารถทำการดูแลเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง ด้วยการหมั่นตรวจสอบสภาพการทำงานของเครื่องยนต์ หากเครื่องเกิดการทำงานสะดุด ให้ทำการถอดหัวเทียนออกมาทำความสะอาด ด้วยการใช้กระดาษทรายละเอียดมาขัดรอบบริเวณ และล้างด้วยน้ำมัน
5. ที่ปัดน้ำฝน
ที่มาของรูป : freepik.com
ที่ปัดน้ำฝนเป็นส่วนที่ทำหน้าที่ในการช่วยดูแลความสะอาดของกระจกหน้ารถจากน้ำ ฝุ่น และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่อาจรบกวนทัศนวิสัยในการขับขี่ อายุการใช้งานของที่ปัดน้ำฝนส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 1 ปี แต่ที่ปัดน้ำฝนก็มักถูกหลงลืม และใช้งานจนเกิดความเสียหาย ส่งผลให้เมื่อใช้งานไปเรื่อย ๆ ทำให้ให้กระจกหน้ารถเกิดรอยสกปรก
การดูแลที่ปัดน้ำฝน
สาเหตุของความเสียหายของที่ปัดน้ำฝน มักเกิดจากการดูแลที่ผิดวิธีของเจ้าของรถ เช่น การจอดรถตากแดดเป็นเวลานานจนทำให้ยางปัดน้ำฝนเกิดความแข็งกรอบ ไม่ยืดหยุ่น ในกรณีที่เจ้าของรถไม่สามารถหลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดด ก็ควรที่จะทำการหมั่นตรวจเช็กสภาพ ความสะอาดของยางปัดน้ำฝนอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หากพบว่าที่ปัดน้ำฝนมีการฉีกขาด หรือแข็งกรอบ เจ้าของรถควรเปลี่ยนเป็นที่ปัดน้ำฝนชุดใหม่
6. ไส้กรองอากาศ
ที่มาของรูป : freepik.com
เป็นอะไหล่รถยนต์ที่ทำหน้าที่ในการช่วยกรองฝุ่น และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้เข้าสู่เครื่องยนต์ ช่วยให้มีอากาศที่สะอาดสำหรับการเผาไหม้ แต่หากใช้งานไปเรื่อย ๆ ไส้กรองอาจถูกฝุ่น หรือสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตัน ส่งผลให้มีอากาศเข้าสู่ตัวเครื่องน้อยลง จนทำให้เกิดปัญหาเร่งเครื่องไม่ขึ้น และทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง โดยปกติเจ้าของรถควรจะต้องเปลี่ยนไส้กรองอากาศหลังจากที่ใช้งานไป 20,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 1 ปี
การดูแลไส้กรองอากาศ
การดูแลรักษาไส้กรองอากาศ เจ้าของรถสามารถทำได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ ด้วยการหมั่นทำความสะอาดชุดกรองอากาศ หลังจากทุกการขับรถประมาณ 100 ชั่วโมงขึ้นไป หรือทุก ๆ การขับ 500 กิโลเมตรขึ้นไป โดยเจ้าของรถควรทำการแกะไส้กรองอากาศมาเป่าฝุ่นละอองออกจากไส้กรอง ต้องเป่าจากภายในออกสู่ภายนอกเพื่อขจัดสิ่งสกปรกให้หลุดออกไป
7. สายพานไทม์มิ่ง
ที่มาของรูป : freepik.com
สายพานไทม์มิ่งเป็นอะไหล่รถยนต์ที่ทำหน้าที่ในการควบคุมเครื่องยนต์ให้ทำงานได้อย่างราบรื่น มีความสมดุลระหว่างขับขี่ หากสายพานไทม์มิ่งเกิดความเสียหาย อาจส่งผลต่อการทำงานส่วนอื่น ๆ เช่น หัวลูกสูบ หรือวาล์ว โดยส่วนใหญ่สายพานไทม์มิ่ง จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 100,000 กิโลเมตร หรือทุก ๆ 3 ปี หรืออาจนานกว่านั้นเล็กน้อย ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งาน
การดูแลสายพานไทม์มิ่ง
เนื่องด้วยสายพานไทม์มิ่ง เป็นอะไหล่รถยนต์ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนทันทีเมื่อมีความบกพร่องเสียหาย ดังนั้นการดูแลที่ดีที่สุดคือเจ้าของรถควรหมั่นตรวจสอบสภาพของสายพานเป็นประจำ หลังจากที่มีการขับครบ 80,000 กิโลเมตร เพราะหากฝืนใช้งานสายพานที่เสียหาย อาจส่งผลให้เกิดผลเสียต่อเครื่องยนต์ไปด้วย
สรุป
อะไหล่รถยนต์เป็นสิ่งที่เจ้าของรถควรให้ความสำคัญ เพราะอะไหล่ทุกชิ้นล้วนแต่มีบทบาทหน้าที่ให้การขับขี่รถยนต์เป็นไปอย่างราบรื่น ดังนั้นเจ้าของรถทุกคันสามารถดูแลอะไหล่ง่ายๆ เริ่มจากหมั่นตรวจเช็กรถเป็นประจำ หรือทำประกันอะไหล่รถยนต์ ที่จะช่วยให้คุณหมดกังวลเรื่องเปลี่ยนอะไหล่บ่อย ขอแนะนำ ประกันอะไหล่ เบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 6,400 บาท* ผ่อน 0% นาน 6 งวด*
สนใจประกันอะไหล่รถยต์
คลิก