ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับประสบการณ์เหนือระดับและคุณภาพชีวิตที่หรูหรา ‘LUXUMER’ กลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ความนิยมสินค้าลักชูรีเพิ่มสูงขึ้น เมื่อคนไทยยอมใช้จ่ายเพื่อสินค้าหรู ทั้งในกลุ่มแฟชั่น เครื่องประดับ รถยนต์ และไลฟ์สไตล์อื่น ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของพฤติกรรมการบริโภค แต่ยังเปิดโอกาสสำหรับนักลงทุนในการเข้าสู่ตลาดที่มีศักยภาพสูง
LUXUMER คืออะไร ทำไมถึงมีอิทธิพลต่อการบริโภคของคนไทย
LUXUMER คือการรวมคำระหว่าง
‘Luxury’ และ
‘Consumer’ สะท้อนถึงผู้บริโภคที่ยอมลงทุนกับสินค้าระดับพรีเมียมมากขึ้น แนวโน้มนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนรวย แต่ขยายไปถึงกลุ่มคนที่ต้องการแสดงสถานะทางสังคมและความสำเร็จ เกิดเป็นเทรนด์ทางการตลาดที่น่าสนใจ แม้จะอยู่ในสภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนัก แต่ผู้คนยังพยายามหารางวัลให้กับชีวิต โดยสินค้าและบริการ
Luxury ซึ่งการเติบโตของเทรนด์นี้ได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย ได้แก่
- อิทธิพลของโซเชียลมีเดีย มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดความต้องการสินค้าและบริการระดับพรีเมียม ทำให้การอวดสินค้าหรูเข้าถึงง่ายขึ้น
- การเข้าถึงข้อมูลและการตลาดออนไลน์ ที่ทำให้ผู้บริโภคทราบถึงความพิเศษของแบรนด์ต่าง ๆ ทำให้ผู้บริโภคยินยอมจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าและแบรนด์ที่มีคุณภาพ
- ความต้องการประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น การพักในโรงแรมระดับห้าดาว รวมถึงไลฟ์สไตล์ในการบริโภคอาหารที่เน้นรับประทานอาหารจากเชฟชื่อดัง เพื่อได้ประสบการณ์ที่แตกต่าง
จริงหรือไม่?...ชายไทยมีไลฟ์สไตล์ LUXURY มากกว่าผู้หญิง
‘วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล’ หรือ ‘CMMU’ ได้เผยผลวิจัยผู้บริโภคในหัวข้อ ‘Unstoppable Luxumer เจาะอินไซต์ หยุดไม่ได้ใจมันลักซ์’ โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่างกว่า 1,000 คน ครอบคลุมทุกเจเนอเรชัน พบว่า 1 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมติดความ ‘หรูหรา’ สอดคล้องกับผลวิเคราะห์ข้อมูล Social Listening ของ Wisesigh ที่พบว่า ผู้บริโภคคนไทยให้ความสนใจ Luxury Brand บนโซเชียลมีเดียอย่างมาก โดยมี Engagement บนแพลตฟอร์มสูงถึง 56 ล้านครั้ง และผู้ชายชอบสินค้า Luxury มากกว่าผู้หญิง เพราะอยากได้รับการยอมรับในสังคม โดยผู้ชายและผู้หญิงมีความชื่นชอบสินค้ากลุ่ม Luxury ที่แตกต่างกัน
- ผู้ชาย กลุ่มอุปกรณ์เทคโนโลยี เป็นอันดับ 1 แบรนด์ยอดนิยม คือ Apple อันดับ 2 สินค้าแฟชั่นและเครื่องแต่งกาย อันดับ 3 คือ เครื่องดื่ม และแบรนด์ยอดนิยม คือ Starbucks
- ผู้หญิง กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม มาเป็นอันดับ 1 แบรนด์ยอดนิยม คือ Starbucks อันดับ 2 เครื่องสำอาง น้ำหอม และสกินแคร์ อันดับ 3 แฟชั่นและเครื่องแต่งกาย ซึ่งอันดับ 2 และ 3 แบรนด์ในดวงใจของสาว ๆ คือ Dior
ตลาดลักชูรีเติบโตสูงก้าวสู่เทรนด์ความยั่งยืน
ตลาดลักชูรีในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านบาท โดยมีสินค้าแบรนด์เนม 50 แบรนด์ที่มีแผนเข้ามาเปิดช็อปในประเทศไทยจากนี้ไป แซงหน้าประเทศชั้นนำอย่างสิงคโปร์ และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องต่อปีละไม่ต่ำกว่า 5% จนถึงปี 2028 สอดคล้องกับ
ข้อมูลของ Nielsen Ad Intel ที่เปิดเผยเม็ดเงินโฆษณากลุ่มสินค้าแบรนด์เนมเติบโตสูงถึง 214% สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อสินค้าลักชูรี โดยมีปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโต ดังนี้
- การเติบโตของเศรษฐกิจระดับกลาง ทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่มีรายได้ที่พร้อมจะลงทุนกับสินค้าไลฟ์สไตล์มากขึ้น
- ตลาดรีเซล (Resale Market) เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าแฟชั่นและเครื่องประดับ
- แนวโน้มสินค้าหรูที่ยั่งยืน ผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่มีนโยบายด้านความยั่งยืน เช่น การใช้วัสดุรีไซเคิลและการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การขยายตัวของเทรนด์ LUXUMER ในประเทศไทย ส่งผลให้ตลาดสินค้าแบรนด์เนมเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังมีแบรนด์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นอีกมากเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ไม่เพียงช่วยสร้างประสบการณ์เหนือระดับและคุณภาพชีวิตที่หรูหราให้กับผู้คน แต่ยังเป็นโอกาสในการ
ลงทุนในธุรกิจสินค้าหรูอีกด้วย
โอกาสของนักลงทุนกับตลาดสินค้าLuxury
กองทุนกรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้
KFGBRAND และกองทุนกรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ
KFGBRANDRMF ที่เปิดโอกาสการลงทุนในหุ้นที่มีแบรนด์แข็งแกร่งและเติบโตสูง โดยมีจุดเด่นคือ
- กองทุนหลัก Morgan Stanley Investment Funds – Global Brands Fund (Class Z) มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ด้วยการเฟ้นหาบริษัทที่มีความสามารถในการทำกำไรสูง ซึ่งมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในช่วงตลาดขาขึ้น และสามารถปกป้องความเสี่ยงของเงินลงทุนในช่วงตลาดขาลง
- เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทเจ้าของแบรนด์ชั้นนำที่มีลูกค้าทั่วโลก มีแนวโน้มที่จะมีรายได้สม่ำเสมอจากการที่ลูกค้ามี Brand Loyalty สูง ประสบผลสำเร็จหรือมีชื่อเสียงในแบรนด์ โดยพิจารณาจาก Intangible Assets เช่น การมีเครื่องหมายการค้าเป็นที่รู้จักทั่วโลก
ผลการดำเนินงานของกองทุนหลักในไตรมาส 3/67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.91 ซึ่งนับเป็นการปรับตัวที่เข้มแข็งกว่าดัชนีอ้างอิงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.36 โดยปัจจัยบวกต่อกองทุนมาจากการคัดเลือกหลักทรัพย์ลงทุนรายตัวเป็นหลัก ขณะที่การจัดสรรสัดส่วนการลงทุนรายหมวดธุรกิจเป็นปัจจัยบวกต่อกองทุนเช่นกันการเติบโตของเทรนด์ LUXUMER สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่มองหาคุณภาพและความโดดเด่นที่ตอบโจทย์ความต้องการส่วนบุคคล KRUNGSRI PRIME มองเห็นโอกาสในตลาดนี้และพร้อมสนับสนุนนักลงทุนที่ต้องการสร้างความสำเร็จในธุรกิจลักชูรี ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการลงทุน รวมทั้งทำหน้าที่อัปเดตทุกความเคลื่อนไหวเศรษฐกิจของตลาดกองทุนรวม หรือการให้คำปรึกษาทุกเรื่องเกี่ยวกับการเงิน ที่พร้อมเคียงข้างคุณทุกไลฟ์สไตล์ เพียงโทร 02-296-5959 (จันทร์-ศุกร์ 9.00-17.00 น.) หรือ
ฝากข้อมูลเพื่อให้ทีมผู้เชี่ยวชาญจาก KRUNGSRI PRIME ติดต่อกลับก็ได้เช่นกัน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- RMF เป็นกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน
- KFGBRAND, KFGBRANRMF ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้