ราคาทองคำในตลาดโลกและประเทศไทยได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำสถิติใหม่ในช่วงที่ผ่านมา โดยราคาทองคำแท่งในประเทศไทย พุ่งใกล้แตะระดับ 50,000 บาทเต็มที การปรับตัวขึ้นนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ทองคำกลับมาเป็นที่สนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง นักลงทุนหลายคนตั้งคำถามว่า ราคาทองคำจะยังมีแรงส่งให้ปรับตัวขึ้นต่อ หรือควรพิจารณาเทขายทำกำไรในจังหวะนี้
มุมมองนักวิเคราะห์ต่อการปรับตัวของราคาทองคำ
นักวิเคราะห์หลายสำนักมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำในอนาคต ซึ่งเดิมคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะอยู่ในช่วงระหว่าง 2,600 ดอลลาร์ ถึง 2,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ขณะนี้ราคาทองคำ Spot ขึ้นไปแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์แล้ว และยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
Goldman Sachs มองว่าราคาทองคำยังไปได้อีกไกลจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากธนาคารกลางทั่วโลก จากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมทั้งคาดการณ์แนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดอัตราดอกเบี้ย เป็นอีกหนึ่งปัจจัยช่วยหนุนราคาทองคำ ด้าน
J.P. Morgan ให้เป้าหมายราคาทองคำที่ 2,700 ดอลลาร์ แม้อัตราดอกเบี้ยในระดับสูงจะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในระยะสั้น แต่แนวโน้มการลดดอกเบี้ยจะช่วยพยุงราคาทองคำไว้ได้ ขณะที่
UBS มองว่าการพุ่งขึ้นของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างแรงและเร็วเกินไป อาจต้องมีการพักตัวบ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้แนวโน้มทองคำในระยะยาวจะเป็นบวก แต่ควรเป็นลักษณะของการทยอยเข้าลงทุน เพราะอาจมีจังหวะราคาย่อตัวลงให้สะสมเพิ่มได้
ปัจจัยหนุนราคาทองคำพุ่งต่อเนื่องระยะยาว
- ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ : ตัวเร่งสำคัญของราคาทองคำ ภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความขัดแย้งทางการค้าและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนและสงครามในตะวันออกกลางยังไม่ยุติ ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง
- อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น : ทองคำ เป็นสินทรัพย์ที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทำให้มูลค่าเงินสดลดลง หากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น นักลงทุนจึงหันมาลงทุนในทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ เมื่อทองคำเป็นที่ต้องการมากขึ้น ราคาจะปรับตัวสูงตามไปด้วย
- ทิศทางอัตราดอกเบี้ย : การคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์อื่นลดลง ทำให้ทองคำเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น แต่หากมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่รับมือกับเงินเฟ้อได้ ราคาทองคำก็จะปรับลดลง
- การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลาง : ธนาคารกลางหลายประเทศเพิ่มการถือครองทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาสกุลเงินหลัก ยิ่งหากเกิดสงคราม ราคาทองคำยิ่งพุ่งทำสถิติใหม่ได้เสมอ ดังนั้นนักลงทุนสามารถคาดการณ์ราคาทองในอนาคตได้เลย
ทางเลือกการลงทุนทองคำที่น่าสนใจ
สำหรับนักลงทุนที่มองหาทางเลือกลงทุนทองคำที่น่าสนใจในปัจจุบันนี้ ก็สามารถลงทุนผ่าน
กองทุนทองคำ
ซึ่งกองทุนนี้ลงทุนผ่าน SPDR Gold Trust ซึ่งมีนโยบายที่มุ่งเน้นลงทุนในทองคำแท่ง เพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุนหลังหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการจัดการทั้งหมดของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ
จังหวะที่เหมาะสมในการเข้าซื้อและโอกาสทำกำไร
การลงทุนในทองคำเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวน อย่างไรก็ตาม การเลือกจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าซื้อและทำกำไรเป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญ โดยมีปัจจัยหลักที่ควรพิจารณา ดังนี้
- การกระจายความเสี่ยง : แม้ว่าทองคำจะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่นักลงทุนที่ดีควรหลีกเลี่ยงการนำเงินทั้งหมดไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว ควรกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น หุ้น พันธบัตร กองทุนรวม หรือตราสารหนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
- การติดตามข่าวสาร : ควรติดตามข่าวสารเศรษฐกิจและการเมืองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อราคาทองคำ เช่น นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ อัตราเงินเฟ้อ และความขัดแย้งทางการเมืองและปัญหาระหว่างประเทศ เป็นปัจจัยกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง และสามารถคาดการณ์ราคาทองคำได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
- การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ : การลงทุนในทองคำมีความผันผวนสูง การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญจะสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าซื้อและขายทำกำไร เทคนิคในการใช้เครื่องมือเพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) เพราะปัจจัยเรื่องค่าเงินมีผลต่อราคาทองคำเช่นเดียวกัน
ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจสำหรับการป้องกันความเสี่ยงในช่วงเศรษฐกิจผันผวน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังความผันผวนของราคาในระยะสั้น และควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญการลงทุนจาก KRUNGSRI PRIME จะช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและมั่นใจมากขึ้น สนใจโทร. 02-296-5959 (จันทร์-ศุกร์ 09.00 - 17.00 น.) หรือ
ฝากข้อมูลให้ติดต่อกลับ
ขอรับหนังสือชี้ชวน และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- KF-GOLD ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- KF-GOLD, KF-HGOLD ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนทำการลงทุน