สินทรัพย์น่าลงทุน มาแรงสุดในปี 2023

โดย สิรภัทร เกาฏีระ CFP® นักวางแผนการเงิน
16 สิงหาคม 2566
สินทรัพย์มาแรงน่าลงทุน
ก่อนจะไปดูเทรนด์สินทรัพย์น่าลงทุนในปี 2023 เรามาเริ่มต้นที่ภาพรวมกันก่อน เพราะตั้งแต่ปี 2022 ภาพรวมเศรษฐกิจทั้งหมดอยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อที่ทำให้ธนาคารกลางหลายประเทศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขภาวะเงินเฟ้อ ทำให้มีต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มมากขึ้น ความต้องการซื้อชะลอตัว และตัวเลขในตลาดหุ้นก็มีความผันผวนตลอดเวลา ดังนั้นในปี 2023 นี้ สภาพเศรษฐกิจยังคงได้รับอิทธิพลจากการชะลอตัวจากหลายปัจจัยที่ต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว แนวโน้มตลาดสินทรัพย์จะเป็นอย่างไร และอะไรควรลงทุนเพื่อไม่ให้ทุกท่านพลาดโอกาส เราไปสำรวจเทรนด์การลงทุนปี 2023 ด้วยกัน
 

ส่องภาวะเศรษฐกิจไทยยุคปัจจุบัน จุดไหนที่เราไม่ควรพลาดโอกาส

จริง ๆ แล้วประเทศไทยของเรามีสินทรัพย์ที่น่าลงทุนหลายประเภท แต่ในรอบปี 2022 ที่ผ่านมา ทำให้เราต้องมีความรอบคอบมากขึ้นในการลงทุน เพราะประเทศไทยของเราต้องเจอกับบททดสอบทางเศรษฐกิจมากมาย ต่อเนื่องด้วยภาวะสงครามของประเทศรัสเซียกับประเทศยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบต่อด้านราคาพลังงานมาที่เราโดยตรง รวมไปถึงภาวะเงินเฟ้อที่สูงทำให้ธนาคารกลางต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และยังไม่ทันที่เราจะได้ฟื้นตัว ประเทศไทยก็ต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้ภาคการผลิตและความต้องการซื้อลดลงพร้อมกัน

แต่แล้วช่วงครึ่งปีหลังของปี 2022 ภาคการท่องเที่ยวของไทยก็กลับมาเป็นปัจจัยหลัก ที่ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเริ่มมีการเติบโตขึ้น คิดเป็นสัดส่วนได้มากถึง 12% ของค่า GDP และคิดเป็น 20% ของการจ้างงานเพิ่มขึ้นโดยรวม และจากภาคการท่องเที่ยวนี้เอง ที่ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจ ทำให้การบริโภคและการลงทุนจากภาคเอกชนค่อย ๆ ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น

เมื่อผ่านมาถึงปี 2023 ทั้งนักวิชาการและนักวิเคราะห์จากหลายหน่วยงานต่างก็มองว่า ประเทศไทยยังคงได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุน เนื่องจากการเติบโตด้านการท่องเที่ยว และการเริ่มฟื้นคืนของภาคการผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภค จนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาคาดการณ์ว่า ประเทศไทยอาจจะเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในทวีปเอเชีย ที่เศรษฐกิจเริ่มเติบโตมากขึ้นที่อัตราเฉลี่ย 3.7% ในปี 2023

และในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2023 ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยจะอยู่ในทิศทางใด และมีสินทรัพย์ที่น่าลงทุนชนิดใดบ้างที่คุ้มค่าและเหมาะสม คำตอบในเรื่องนี้นักวิเคราะห์หลายคน ไปจนถึงผู้กำหนดนโยบายทางการเงินมีความเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต่างก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดกันหมดแล้ว แต่ยังมีความจำเป็นที่ต้องคงระดับอัตราดอกเบี้ยไว้เช่นนี้อีกสักระยะหนึ่ง เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงิน ก่อนที่จะเริ่มผ่อนคลายและลดอัตราดอกเบี้ยลง เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อได้พ้นจุดวิกฤติไปแล้ว ประเทศไทยจึงไม่จำเป็นต้องเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก

ซึ่งการคงสภาพทางการเงินที่กล่าวมานี้ มีข้อดีอยู่ที่ความผันผวนในตลาดจะเริ่มลดลง และเข้าสู่ภาวะปกติที่สามารถควบคุมได้ง่ายขึ้น และจากข้อมูลนี้ เราสามารถเปลี่ยนวิกฤติอัตราดอกเบี้ยให้เป็นโอกาสในการลงทุนได้ เช่น การลงทุนในตราสารหนี้ เพราะอัตราตอบแทนจากตราสารหนี้ได้ขยับขึ้นมาอยู่ในระดับที่น่าลงทุน ตามการปรับขึ้นของดอกเบี้ยนโยบาย อีกทั้งการลงทุนในตราสารหนี้ ยังช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดีในภาวะที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน เป็นต้น
 
เศรษฐกิจผันผวน ลงทุนสินทรัพย์อะไรดี
 

ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ผันผวน ควรลงทุนในสินทรัพย์อะไรดี

ทุกคนล้วนมีเป้าหมายในสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่คล้ายคลึงกันนั่นคือ “ความต้องการผลตอบแทนในระยะยาว ที่มีมูลค่าสูงขึ้น” ซึ่งก่อนจะถึงปลายทางนั้น นักลงทุนต้องระมัดระวังปัจจัยระหว่างทางให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจหลงทางจนหาทางออกไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวของประเทศไทย ที่หลาย ๆ คนเริ่มมองว่าเป็นสัญญาณที่ดี

แต่กลับลืมไป และไม่ได้สำรวจปัจจัยโดยรอบว่า เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นเพราะภาคการท่องเที่ยว และการลงทุนจากภาคเอกชน ส่วนปัจจัยอื่น ๆ ยังอยู่ในช่วงชะลอตัว และยังคงเป็นเหตุผลที่ทำให้เศรษฐกิจมีความผันผวนสูง ดังนั้นก่อนตัดสินใจลงทุน เราไปศึกษากันก่อนว่า ความผันผวนทางเศรษฐกิจเช่นนี้ ควรลงทุนอย่างไรดี โดยในโลกของการลงทุนเราสามารถแบ่งสินทรัพย์ออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ตามความเสี่ยง คือ
 

1. ความเสี่ยงระดับต่ำ

เน้นความมั่นคงมากกว่าผลตอบแทน นักลงทุนสามารถรับความผันผวนได้เล็กน้อย เพื่อเปิดโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นบ้างในบางโอกาส
 

2. ความเสี่ยงระดับปานกลาง

เพิ่มผลตอบแทนขึ้นมาพร้อมกับความเสี่ยงที่ไม่สุดโต่งมากเกินไป นักลงทุนอาจจะต้องพบกับความผันผวนในระดับที่ติดลบบ้างบางครั้ง แต่ก็สามารถยอมรับได้ เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
 

3. ความเสี่ยงระดับสูง

สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความผันผวนระดับสูงสุดได้ เพื่อผลตอบแทนสูงสุดในระยะยาว

ดังนั้นเพื่อให้เหมาะกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงมีความผันผวนของประเทศไทยในขณะนี้ ความเสี่ยงที่เราแนะนำ คือ ความเสี่ยงระดับต่ำ โดยใช้กลยุทธ์ลดการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงลง และมาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือความเสี่ยงปานกลางเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างเป็น Save Zone ที่ปลอดภัย หรือกล่าวให้เห็นภาพง่าย ๆ คือ ในพอร์ตการลงทุนควรจัดการกระจายความเสี่ยงให้มีครบทุกระดับ เพื่อการปรับลด-ปรับเพิ่มให้เท่าทันกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจนั่นเอง ซึ่งเราจะมาดูกันต่อว่า สินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำที่น่าลงทุนของปี 2023 มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
 
สินทรัพย์น่าลงทุนปี 2023
 

สินทรัพย์น่าลงทุน ในปี 2023

สินทรัพย์ คือ ทรัพยากร หรือสิ่งที่มีมูลค่า โดยมีกิจการหรือบุคคลเป็นเจ้าของ หรือมีสิทธิ์ในการครอบครอง รวมไปถึงสามารถถือเอาประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับในอนาคต และเมื่อกล่าวถึงสินทรัพย์ในโลกการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจ เราจะกล่าวถึงการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งในปี 2023 นี้ เราขอแนะนำ
 

1. สินทรัพย์สภาพคล่อง

ในช่วงภาวะผันผวนทางเศรษฐกิจ นักลงทุนหลายคนเลือกที่จะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อเป็นการลดพอร์ต แล้วหันมาถือเงินสดในรูปแบบของการฝากเงิน ซึ่งเป็นหนึ่งในทางเลือกของสินทรัพย์สภาพคล่องที่ดี โดยเฉพาะในช่วงการเกิดโรคระบาด ภาวะสงคราม และเศรษฐกิจถดถอย ถึงแม้ว่าเงินสดอาจจะไม่ได้สร้างผลตอบแทนที่สูงมาก มูลค่าอาจลดลงตามภาวะเงินเฟ้อ แต่ในภาวะตึงเครียด และยังหากลยุทธ์อื่นมาปรับใช้ไม่ได้ การเลือกฝากเงินไว้กับธนาคารก็มีความปลอดภัยกว่าการเสี่ยงขาดทุนในการลงทุนความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะบัญชีเงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยสูงอย่างเงินฝากออมทรัพย์ มีแต่ได้ จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งหากเลือกเปิดบัญชีผ่าน Krungsri Mobile App (KMA) จะได้รับดอกเบี้ยสูงถึง 1.5% ต่อปี สำหรับเงินฝากสูงสุด 1 ล้านบาทแรก และมีการคำนวณให้แบบรายเดือน เป็นทางเลือกที่ยังคงสภาพคล่องของเงินสดเอาไว้เช่นเดิม จะฝากหรือถอนเมื่อไรก็ได้
 

2. ตราสารหนี้

มีให้เลือกทั้งแบบหุ้นกู้เอกชนและพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเราในฐานะผู้ถือหุ้นกู้/พันธบัตรจะมีฐานะเปรียบเสมือนได้เป็นเจ้าหนี้ ตราสารหนี้จะมีการกำหนดอายุที่ชัดเจน เช่น 3 ปี หรือ 5 ปี เป็นต้น นับเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยนักลงทุนสามารถเช็กระดับ Investment Grade ของตราสารหนี้ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ตนเองรับมือได้ และแม้จะได้รับผลตอบแทนที่ไม่สูงมาก แต่เหมาะจะเป็น Save Zone ที่ปลอดภัยให้กับนักลงทุน

และสิ่งสำคัญสำหรับท่านที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ ควรทราบว่า ตราสารหนี้มีช่วงเวลาในการขาย นักลงทุนรายย่อยอาจจะเข้าถึงได้ยาก เนื่องจากส่วนใหญ่มักจะขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว ท่านจึงควรลงทุนในรูปแบบกองทุนรวม ที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้ จะสามารถทดแทนกันได้
 

3. ทองคำ

ทองคำจัดเป็นสินทรัพย์ที่เป็น Save Zone มากที่สุด สังเกตได้ง่าย ๆ ว่า เมื่อไหร่ที่วิกฤตการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ ราคาทองคำจะพุ่งสูงขึ้น แต่ปัญหาของการสะสมทองคำ คือ ความปลอดภัยในสถานที่จัดเก็บ และหากต้องการขายทองคำสักครั้งก็ต้องหอบไปขายยังสถานที่ซื้อ-ขาย ดังนั้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น ท่านสามารถลงทุนทองคำ ผ่านกองทุนรวมทองคำ เช่น กองทุนเปิดกรุงศรีโกลด์เฮดจ์ (KF-HGOLD) จะช่วยให้มีความปลอดภัยในการซื้อขาย และสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจได้เช่นกัน
 

เริ่มต้นลงทุนเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ

การเริ่มต้นลงทุนเพื่อเปิดโอกาสรับผลตอบแทน ควรเริ่มต้นที่การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการลงทุนที่สนใจ รวมไปถึงต้องเข้าใจถึงสินทรัพย์ไหนเหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจอย่างไร จะช่วยให้ท่านสามารถจัดการวางแผนกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างเหมาะสม โดยในบทความนี้เราได้กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ยังคงมีความผันผวนอยู่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจึงได้จัดสินทรัพย์น่าลงทุน ที่มีระดับความเสี่ยงที่ไม่สูงมากมาฝากทุกท่านดังนี้
 

1. กองทุนเปิดกรุงศรีสมาร์ทตราสารหนี้-สะสมมูลค่า (KFSMART-A)

กองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่มีเงินปันผล ลงทุนทั้งตราสารหนี้และเงินฝาก ทั้งในภาครัฐและเอกชน โดยกองทุนนี้มีระดับความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 4 จัดเป็นกองทุนที่มีระดับความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ และการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ
 

2. กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลคอลเล็คทีฟสมาร์ทอินคัม (KF-CSINCOM)

กองทุนรวมตราสารหนี้ ที่มีนโยบายกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ทั้งของภาครัฐและเอกชนทั่วโลก โดยลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ PIMCO GIS Income Fund (Class I-Acc) (กองทุนหลัก) เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV มีความเสี่ยงระดับ 5 คือ เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง กองทุนนี้มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ

สินทรัพย์น่าลงทุนในประเทศไทยมีอยู่หลายอย่าง แต่ในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนทางการเมือง การลงทุนด้วยความเสี่ยงต่ำถือเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับนักลงทุน และสำหรับท่านที่สนใจด้านการลงทุน หรือต้องการปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ธนาคารกรุงศรีอยุธยามีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและการลงทุน ให้คุณสามารถติดต่อผ่านช่องทางฮอตไลน์ได้ที่ 02-296-5959 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00 น.-17.00 น. หรือฝากข้อมูล เพื่อให้ที่ปรึกษาทางด้านการเงินจาก KRUNGSRI PRIME ติดต่อกลับก็ได้เช่นกัน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
  • ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • กองทุน KFSMART-A / KF-CSINCOM อาจลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Non-investment grade) หรือที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Bond) ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสารซึ่งส่งผลให้ผู้ลงทุนขาดทุนจากการลงทุนบางส่วนหรือทั้งจำนวนได้ และในการขายคืนหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับเงินคืนตามที่ระบุไว้ในโครงการ
  • กองทุน KF-HGOLD มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน (ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ)
  • กองทุน KF-HGOLD ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยบริษัทจัดการจะคำนวณมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนด้วยราคาปิดของ SPDR Gold Trust ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งราคาปิด ณ ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ อาจจะมีราคาที่แตกต่างจากราคาปิดของทองคำ (Gold Commodities) หรือราคาปิดของ SPDR Gold Trust ที่ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจจะได้ราคาหน่วยลงทุนที่แตกต่างจากราคาทองคำ หรือราคาของ SPDR Gold Trust ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ได้
  • กองทุน KF-HGOLD ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนทำการลงทุน
สนใจร่วมเป็นลูกค้า ด้วยการเลือก KRUNGSRI PRIME ต่อยอดเงินให้เติบโต​
KRUNGSRI PRIME ช่วยพาคุณไปสู่เป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น พร้อมเพิ่มความมั่งคั่งทางการเงิน และต่อยอดเงินล้านของคุณให้เติบโตสู่ล้านถัดๆไป นอกจากนี้ KRUNGSRI PRIME ยังมอบความพิเศษด้วยสิทธิ์ต่างๆทั้งด้านการเงินและไลฟ์สไตล์ที่ถูกคัดสรรมาให้แก่ลูกค้าคนพิเศษเช่นคุณ