“ประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง” รู้ไว้อุ่นใจ ซื้อก่อนหมดห่วงเมื่อยามเจ็บป่วย

ความเจ็บป่วยไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และมักจะมาแบบไม่รู้ตัวอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นอาการป่วยเล็กๆ หรือป่วยหนักถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาลหลายคืนในที่นี่ขอแนะนำท่านให้รู้จักกับอีกหนึ่งตัวช่วยที่ขาดไม่ได้สำหรับคนทุกวัยในเวลานี้คือประกันสุขภาพ
 

รู้จักประกันสุขภาพ ตัวช่วยยามเจ็บป่วยที่แสนสำคัญ

ประกันสุขภาพสำคัญแค่ไหน? การมีประกันสุขภาพเปรียบเสมือนตัวช่วยสำคัญที่คอยรองรับค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับการเจ็บป่วยหากเกิดเหตุ ไม่คาดฝัน ที่จะทำให้คุณจ่ายค่ารักษาพยาบาลน้อยลงหรือไม่ต้องจ่ายเลย ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์ที่ทำไป และนี่คือข้อดีของประกันสุขภาพที่คุณควรรู้
   

ข้อดีของประกันสุขภาพ

1. รองรับความเสี่ยงเกี่ยวกับสุขภาพ
   รู้หรือไม่ว่าปี 2560 ประเทศไทยมีอัตราคนเสียชีวิตจากโรคมะเร็งราว 120 คนต่อประชากร 100,000 คน และมีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น เรื่อยๆ นอกเหนือจากนั้นยังมีโรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคไต ที่เป็นภัยร้ายซึ่งบางคนกว่าจะตรวจพบก็สายไปเสียแล้ว โรคเหล่านี้คือความเสี่ยงที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และการรองรับความเสี่ยงนี้สามารถทำได้โดยการทำประกันสุขภาพซึ่งคุ้มครองโรคเหล่านี้ ที่รองรับทั้งค่ารักษาพยาบาล เงินค่าชดเชยรายวันหากทำงานไม่ได้ จนถึงค่าใช้จ่ายหากเสียชีวิต ที่สำคัญที่สุดเลยคือ ประกันนั้นต้องทำก่อนตรวจพบ เพราะหากเป็นก่อนทางบริษัทประกันจะไม่รับประกัน เรื่องนี้อาจเคยดูไกลตัวมาก จากสถานการณ์โรคระบาดอย่างโควิด-19 เป็น ตัวอย่างให้กับเราได้ว่าไม่มีอะไรแน่นอนเกี่ยวกับสุขภาพ ดังนั้นการบริหารจัดการความเสี่ยงในเรื่องนี้ก่อนถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด ในเวลานี้
2. ลดภาระค่ารักษาพยาบาล
   ประกันสุขภาพถ้วนหน้าและประกันสังคมเป็นที่พึ่งของคนไทยจำนวนไม่น้อย แต่ทว่าการใช้สิทธิ์เหล่านั้นในบางครั้งอาจต้องรอนาน เนื่องจากมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก ที่สำคัญที่สุด สิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือประกันสังคมอาจช่วยได้เพียงส่วนเดียว ไม่ครอบคุลมตัวยาเฉพาะ หรือการรักษาพิเศษบางอย่างที่อาจต้องจ่ายเพิ่ม การมีประกันสุขภาพ จะช่วยลดค่ารักษาพยาบาลส่วนใหญ่ได้ตามความคุ้มครองของกรมธรรม์นั้นๆ ทำให้ผู้ทำประกันเข้าถึงการรักษาพยาบาลตามโรงพยาบาลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ค่ารักษาส่วนเกินที่อาจสูงถึงหลักหมื่นอาจลดเหลือหลักร้อยหรือไม่จำเป็นต้องจ่ายเลยก็ได้

   

ประกันสุขภาพเหมาะกับใครบ้าง

ในความเป็นจริงประกันสุขภาพเหมาะกับทุกเพศทุกวัยเพราะในแต่ละบริษัทประกันจะมีการรับประกันสุขภาพที่แตกต่างกัน และถูกปรับตาม ความเหมาะสมกับคนทุกกลุ่ม ทั้งนี้ยังมีกลุ่มคนที่ควรทำประกันสุขภาพมากกว่าคนทั่วไป ดังนี้

1. มนุษย์เงินเดือน ไม่ว่าจะเป็นคนที่เป็น First Jobber หรือคนที่ทำงานมานานแล้ว ที่แม้ว่าจะมีประกันกลุ่มหรือการคุ้มครองจากบริษัท แต่อาจไม่เพียงพอสำหรับจ่ายค่ารักษา ค่าห้อง ค่ายา จนกลายเป็นส่วนต่างให้ต้องจ่ายเพิ่มเติม การทำประกันสุขภาพถือเป็นตัวช่วยในเรื่องของการลดค่ารักษาพยาบาลในระยะยาว ทำให้ไม่เสียเงินก้อนใหญ่หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
2. คนโสด ไม่ใช่คนโสดทุกคนที่มีครอบครัวคอยช่วยเหลือ หลายคนแก่ตัวไปอาจต้องพึ่งตัวเองดูแลตัวเองแบบ 100% โดยไม่มีลูกหลานคอยช่วย และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลก็ไม่น้อยเลย การเริ่มทำประกันสุขภาพตั้งแต่อายุยังไม่เยอะจะช่วยให้จ่ายค่าเบี้ยฯในระยะยาวถูกลง รวมถึงช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพได้เป็นอย่างมาก
3. กลุ่มคนที่มีภาระทางบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ผู้สูงอายุ จนถึงลูกน้อย การทำประกันสุขภาพไว้จะช่วยลดปัญหาในเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล รวมถึงไม่ส่งผลกระทบกับคนที่อยู่ข้างหลังหากเสาหลักของครอบครัวเจ็บไข้ได้ป่วย
4. กลุ่มคนสูงวัย ควรมีการวางแผนก่อนเกษียณอย่างมีคุณภาพ การทำประกันสุขภาพตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่ารักษาพาบาลในอนาคตได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถใช้เงินยามเกษียณของตัวเองได้อย่างสะดวกใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเจ็บป่วย ทั้งนี้เนื่องจากแบบประกันบางตัวอาจจำกัดอายุผู้ขอเอาประกันภัย (ส่วนมากจะคุ้มครอง 16-70 ปี) และมีระยะเวลาคุ้มครองจำกัด หากอายุเยอะเกินไปอาจทำให้การทำประกันสุขภาพไม่ครอบคลุมได้
5. เด็ก รู้หรือไม่ว่าเด็กนั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมากกว่าผู้ใหญ่ ทั้งปัจจัยด้านภูมิคุ้มกันที่ยังต่ำ การสื่อสารที่พวกเด็กๆ ไม่สามารถพูดหรือ ระบุเองได้ชัดเจนว่ามีอาการเจ็บป่วยตรงไหน รวมถึงค่ารักษาที่สูงกว่าในหลายๆ กรณีที่บางครั้งอาจสูงถึงหลักแสนหรือหลักล้านบาทนั้น ทำให้การเลือกทำประกันสุขภาพให้กับเด็กๆ ล่วงหน้า เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง

โดยคุณสามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับประกันสุขภาพสำหรับเด็กเพิ่มเติมได้ที่นี่
   

วิธีเลือกประกันสุขภาพ

การเลือกประกันสุขภาพมีปัจจัยที่จะต้องให้ความสำคัญมากมาย ทั้งรายละเอียดของแบบประกัน แนวทางการรักษา ค่าใช้จ่ายภายในโรงพยาบาล การเลือกห้องอย่างห้องเดี่ยว ห้องรวม โดยเราได้รวบรวมข้อมูลและสรุปมาเป็นหัวข้อหลัก 3 ข้อ ที่คุณควรรู้และให้ความสำคัญดังนี้

1. เบี้ยประกันภัย
   ข้อแรกที่ต้องใส่ใจเมื่อทำการเลือกแบบประกัน คือ เบี้ยประกันภัยที่ต้องจ่ายนั้นต้องสัมพันธ์กับรายรับรายจ่ายปัจจุบัน การเลือกแบบประกันที่แพงเกินตัวใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี และอาจจะเดือดร้อนภายหลังเมื่อตอนจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย ฉะนั้น ควรเลือกแบบประกันให้เหมาะสม กับตัวเองรวมถึงความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันภัย
   
   ปัจจัยต่างๆ ของแต่ละบุคคลก็จะส่งผลต่ออัตราเบี้ยประกันภัยเช่นกัน เช่น เพศชายอาจมีความเสี่ยงในการประกอบอาชีพหรือโรคบางอย่าง มากกว่า ทำให้ค่าเบี้ยฯ แพงกว่าเพศหญิง เด็กจะมีค่าเบี้ยฯถูกกว่าผู้ใหญ่ ดังนั้น ผู้ที่ต้องการทำประกันอาจต้องคำนึงถึงความต้องการของตัวเองควบคู่ไปกับเบี้ยประกันภัยด้วย เช่น ต้องการเงินชดเชยในช่วงพักรักษาหรือไม่ การรักษาครอบคลุมแค่ไหน OPD อย่างเดียวหรือ IPD ด้วย การเลือกชำระเบี้ยฯ ที่ไม่สูงมาก ผู้ชำระเบี้ยฯอาจต้องจ่ายเพิ่มส่วนต่างจากวงเงินเบิกจ่ายที่ไม่ครอบคลุมค่ารักษา ผู้ที่ต้องการทำประกันควรเลือกแบบประกันที่ตัวเองสามารถจ่ายได้ ไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน โดยขอแนะนำว่า เบี้ยประกันเริ่มต้น ควรอยู่ราวๆ 10-15% ของรายรับ


2. คุ้มครองและความคุ้มครอง
   วงเงินคุ้มครองเป็นสิ่งที่ยิ่งมีมากยิ่งดี เพราะจะช่วยลดความกังวลเรื่องเงินไม่พอจ่าย ในค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการแพทย์ พยาบาล ค่ารักษา ค่ายา
   
   อย่างไรก็ตามความคุ้มครองที่มากขึ้น ย่อมมาพร้อมกับเบี้ยประกันภัยที่ต้องชำระมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นควรเลือกวงเงินคุ้มครองที่เหมาะสมกับเงินในกระเป๋า รวมถึงความสามารถในการจ่ายเบี้ยฯ แต่ละปี เพื่อให้การวางแผนทางการเงินของเราสมดุลทั้งในแง่การใช้ชีวิตและการจัดการความเสี่ยง


3. โรงพยาบาลที่สามารถรักษาได้
   ประกันที่ดีคือประกันที่เราสามารถพึ่งพาได้เมื่อยามจำเป็น การทำประกันสุขภาพจึงควรดูรายละเอียดเกี่ยวกับโรงพยาบาลด้วยว่า เราสามารถใช้บริการโรงพยาบาลไหนได้บ้าง ประกันที่เหมาะสมกับเราคือประกันที่ครอบคลุมโรงพยาบาลหลักๆ ที่เราไปรักษา ใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงาน เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน การเจ็บป่วยกะทันหันจะได้ไม่เสียเวลาในการเดินทาง

 

โรคร้ายแรง

อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือ “โรคร้ายแรง” ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว โรคร้ายแรงเป็นโรคที่ต้องใช้ค่ารักษาพยาบาลที่สูง และต้องมีการรักษาอย่าง ต่อเนื่อง สาเหตุอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งสภาพแวดล้อม ความเครียด หรืออาหาร ซึ่งนอกเหนือจากการดูแลสุขภาพแล้ว คนวัยทำงานทุกคนควรที่จะมีประกันร้ายแรงไว้ เพราะเป็นตัวช่วยสำคัญในการบริหารจัดการความเสี่ยง และปกป้องความมั่นคงในระยะยาวให้กับชีวิต ซึ่งตัวประกันโรคร้ายแรงนั้นก็มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกสรร สำหรับธนาคารกรุงศรีก็มี กรุงศรี แคนเซอร์ พร้อม ให้ความคุ้มครอง ครอบคลุม มะเร็งทุกชนิด และทุกระยะ ยกเว้นมะเร็งผิวหนัง ที่ตรวจพบครั้งแรกสูงสุดถึง 200,000 บาท ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของแบบประกันโรคร้ายที่น่าสนใจในเวลานี้

หากคุณมีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับประกันสุขภาพหรือประกันโรคร้ายแรง และต้องการการวางแผนคุ้มครองอย่างเป็นระบบ สามารถ ติดต่อทีมที่ปรึกษาทางการเงินธนาคารกรุงศรี ผ่านช่องทางฮอตไลน์ได้ที่ 02-296-5959 จันทร์ - ศุกร์ 9.00 น. - 17.00 น. หรือฝากข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ คลิก