ซื้อแล้วคุ้มจริงไหม Easy e-Receipt โครงการที่มาแทนช็อปดีมีคืน 2567
รอบรู้เรื่องภาษี
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

ซื้อแล้วคุ้มจริงไหม Easy e-Receipt โครงการที่มาแทนช็อปดีมีคืน 2567

icon-access-time Posted On 13 กุมภาพันธ์ 2567
By Krungsri The COACH
ในต้นปีนี้หลายคนก็คงกำลังวางแผนการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมจากโครงการ Easy E-Reciept 2567 ที่นำมาแทนโครงการช็อปดีมีคืน 2567 โครงการนี้เราสามารถซื้อสินค้าและบริการในประเทศไทย แล้วนำหลักฐานใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice และ e-Receipt) เพื่อใช้ในการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาได้ ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไร ซื้อแล้วลดหย่อนภาษีได้มากน้อยแค่ไหน ที่สำคัญ ช็อปแล้วคุ้มค่าจริง ๆ ไหม ประเด็นนี้ Krungsri The COACH จะขอสรุปให้ทุกคนอ่านกัน

สรุปลิสต์สินค้าและบริการที่เข้าร่วม/ไม่เข้าร่วม ในโครงการ Easy e-Receipt 2567
 
ซื้อแล้วคุ้มจริงไหม Easy e-Receipt โครงการที่มาแทนช็อปดีมีคืน 2567

สินค้าและบริการที่เราสามารถนำไปใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ มีดังนี้
  1. สินค้าทั่วไปที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่สามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้ เช่น ค่าอุปกรณ์ IT และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่น ของใช้ในบ้าน หนังสือ นิตยสาร
  2. สินค้าที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ ค่าหนังสือ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร รวมไปถึงอีบุ๊กและหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
  3. สินค้าโอท็อป (OTOP) ที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว

สินค้าและบริการที่นำไปใช้ในการลดหย่อนภาษีไม่ได้ มีดังนี้
  1. ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์
  2. ค่าซื้อยาสูบ
  3. ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
  4. ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ
  5. ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณ อินเทอร์เน็ต
  6. ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการและผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าว นอกเหนือจากระยะเวลาตามที่กำหนด (วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567) เช่น ค่าสมาชิกต่าง ๆ
  7. ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย

เงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการ Easy e-Receipt 2567
จะต้องเป็นการซื้อสินค้าหรือบริการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2567 เท่านั้น โดยนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง เป็นราคาที่รวม VAT แล้ว ใช้สิทธิในการลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท สำหรับผู้ที่สามารถเข้าร่วมโครงการลดหย่อนภาษีนี้ได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น แน่นอนว่าบุคคลธรรมดาที่เป็นมนุษย์เงินเดือนและคนทำอาชีพฟรีแลนซ์สามารถใช้สิทธินี้ได้

หลักฐานในการใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษี
 
ซื้อแล้วคุ้มจริงไหม Easy e-Receipt โครงการที่มาแทนช็อปดีมีคืน 2567

เราจะต้องเตรียมหลักฐานเป็น ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ในรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์จากระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากร
  • ใบกำกับภาษีที่มีข้อความระบุชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขประจำตัวประชาชน) ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ

    ในส่วนของค่าสินค้าที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ ค่าหนังสือ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร รวมไปถึง อีบุ๊กและหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงสินค้าโอท็อป (OTOP) ที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว ต้องมีหลักฐานใบรับในรูปแบบใบรับอิเล็กทรอนิกส์จากระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากร

    ซึ่งมีรายการอย่างน้อยตาม มาตรา 105 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร พร้อมระบุชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลข ประจำตัวประชาชน) ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการด้วย

วิธีการตรวจสอบร้านค้าที่เข้าร่วม e-Tax Invoice
 
ซื้อแล้วคุ้มจริงไหม Easy e-Receipt โครงการที่มาแทนช็อปดีมีคืน 2567

ก่อนที่เราจะช็อปปิง อย่าลืมตรวจสอบร้านค้าที่เข้าโครงการ e-Tax Invoice และ e-Receipt กันก่อน ซึ่งสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบกิจการได้ที่ ระบบ e-Tax Invoice / e-Receipt (rd.go.th)

อย่างไรก็ตามรายชื่อในฐานข้อมูลนี้จะเป็นผู้ประกอบการทั้งหมด ค่าสินค้าและบริการของผู้ประกอบการบางรายในฐานข้อมูลนี้ อาจจะไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้ Krungsri The COACH แนะนำว่าเราควรต้องเช็กสิทธิการลดหย่อนตามมาตรการ "Easy E-Receipt" ในวันที่ 1 มกราคม 2567 - 15 กุมภาพันธ์ 2567 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกรมสรรพากร

รายได้ในแต่ละฐานภาษี ลดหย่อนได้กันเท่าไหร่บ้าง
Krungsri The COACH ได้ทำตารางสรุปมาให้ดูกันว่า หากเราใช้สิทธิลดหย่อนภาษีกับโครงการ Easy e-Receipt 2567 โดยซื้อของกันแบบเต็มสิทธิ 50,000 บาท จะลดภาษีได้มากน้อยแค่ไหน รายละเอียดตามตารางข้างล่าง
 
เงินได้สุทธิ อัตราภาษี คำนวณเงินคืนภาษี
กรณีใช้ลดหย่อน E-Receipt 50,000 บาท
เงินคืนภาษีสูงสุด
กรณีใช้ลดหย่อน E-Receipt 50,000 บาท
น้อยกว่า 150,000 ยกเว้น 0 x 50,000 0
150,001 - 300,000 5% 5% x 50,000 2,500
300,001 - 500,000 10% 10% x 50,000 5,000
500,001 - 750,000 15% 15% x 50,000 7,500
750,001 - 1,000,000 20% 20% x 50,000 10,000
1,000,001 - 2,000,000 25% 25% x 50,000 12,500
2,000,001 - 5,000,000 30% 30% x 50,000 15,000
5,000,001 ขึ้นไป 35% 35% x 50,000 17,500
จากตารางเราจะเห็นได้ว่า ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากสิทธิในการลดหย่อนภาษีด้วย E-Receipt นั้น จะเป็นผู้ที่ต้องจ่ายภาษีบุคคลธรรมดาในอัตราที่สูง ในขณะที่ผู้ที่มีเงินได้สุทธิน้อยจะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้น้อย

สรุปโครงการ Easy E-Receipt 2567 ช็อปแล้วคุ้มค่าจริง ๆ ใช่ไหม?
 
ซื้อแล้วคุ้มจริงไหม Easy e-Receipt โครงการที่มาแทนช็อปดีมีคืน 2567

หากเรามีแผนที่จะซื้อของอยู่แล้ว การซื้อกับผู้ประกอบการในโครงการ Easy E-Receipt 2567 ก็จะได้ความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก เพราะเราจะได้ทั้งของที่ต้องการและได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย

โครงการนี้จึงเหมาะกับผู้มีเงินได้สุทธิมากกว่า 150,000 บาทขึ้นไปเพราะสามารถใช้ลดหย่อนภาษีตามฐานภาษีของตัวเอง ส่วนผู้ที่มีเงินได้สุทธิน้อยกว่า 150,000 บาท ก็จะไม่ได้รับสิทธิในการลดหย่อนภาษี จึงเป็นกลุ่มที่ไม่เหมาะในการเข้าร่วมโครงการนี้

โครงการนี้จะมีประโยชน์กับเรามาก หากเรามองว่าเราได้ซื้อสินค้าที่ต้องการและได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นของแถม และเราไม่ควรโฟกัสไปการซื้อของให้ได้มากที่สุดเพื่อให้ได้รับประโยชน์ทางภาษีสูงสุด เพราะอาจจะทำให้หลาย ๆ คนเกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงินจากการใช้เงินเกินตัว ต้องมานั่งหาทางแก้ปัญหาในภายหลังอีกด้วย

ดังนั้น ก่อนใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี อย่าลืมคำนวณดี ๆ ก่อนว่า เงินที่เราจะใช้ช็อปปิงนั้นมีจำนวนเงินเท่าไหร่ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อย่างคุ้มค่าหรือไม่ และเมื่อเราใช้เงินจำนวนนี้ไปแล้ว จะกระทบสภาพคล่องทางการเงินของเราไหม

หากวางแผนการเงินให้ดี ก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา