ลงทุนด้วยโบนัส ทำอะไรดี หาแนวทางลงทุนด้วยธีมการลงทุนปี 2022

โดย สิรภัทร เกาฏีระ CFP® นักวางแผนการเงิน
02 มีนาคม 2565
ลงทุนด้วยโบนัส ทำอะไรดี หาแนวทางลงทุนด้วยธีมการลงทุนปี 2022
ลงทุนด้วยโบนัส ทำอะไรดี? คำถามยอดฮิตประจำช่วงต้นปีสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการหาโอกาส สร้างผลกำไรที่งอกเงยจากโบนัสประจำปี และสำหรับต้นปีนี้ทางKRUNGSRI PRIME จะเข้ามาช่วยไขข้อสงสัย พร้อมให้คำตอบเกี่ยวกับการลงทุนด้วยโบนัสตามธีมการลงทุนปี 2022 ว่าจะมีการลงทุนรูปแบบไหนบ้างที่น่าสนใจในปีนี้
 

ก่อนใช้โบนัสลงทุน ต้องรู้ก่อนว่าปีนี้ธีมไหนมาแรง


โบนัสจ่ายเป็นรายปี ธีมและแนวทางการลงทุนก็เช่นกัน ดังนั้น ก่อนจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ประเภทไหน ควรทราบก่อนว่าแนวโน้มในปีนั้น ธีมไหนกำลังเป็นที่น่าจับตามองและมีโอกาสในการเติบโต เพื่อทำให้โบนัสของคุณมีโอกาสงอกเงยมากยิ่งขึ้น
 

4 ธีมการลงทุนปี 2022

สำหรับปี 2022 มีธีมการลงทุนส่วนใหญ่ยังคงเกี่ยวข้องกับวิกฤตโควิด-19 ทั้งทางด้านการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ ไปจนถึงด้านสิ่งแวดล้อม โดยในแต่ละธีมมีรายละเอียดดังนี้
 

1. วิกฤตโควิด เศรษฐกิจ และเงินเฟ้อ

วิกฤตโควิดยังคงอยู่คู่กับโลกนี้ต่อไป หลังจากการพัฒนาสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสอย่างต่อเนื่องส่งผลโดยตรงต่อสภาพเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง โดยทาง BlackRock บริษัทจัดการลงทุนแห่งสหรัฐอเมริกาวิเคราะห์ว่า เงินเฟ้อเริ่มสูงมากยิ่งขึ้นตั้งแต่ปี 2021 และจะยังคงสูงขึ้นอีกในไตรมาสแรกของปี 2022 ซึ่งมีปัจจัยมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดและราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่จะเริ่มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีหลัง

โดยกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากเงินเฟ้อ สามารถแบ่งได้ 4 กลุ่มหลัก ดังนี้
  1. กลุ่มวัฏจักรที่ขายสินค้าโภคภัณฑ์ ได้รับผลประโยชน์จากราคาสินค้าและอัตรากำไรที่ปรับตัวสูงขึ้น
  2. กลุ่มที่ประกอบธุรกิจนำเข้า ได้รับประโยชน์จากต้นทุนการนำเข้าสินค้าต่ำลงอันเนื่องมาจากค่าเงินที่แข็งขึ้น
  3. กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ได้รับประโยชน์จากยอดสินเชื่อที่เติบโตขึ้น และเพิ่มช่องว่างส่วนต่างของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ
  4. กลุ่มประกันชีวิต ได้รับประโยขน์จากผลตอบแทนในพันธบัตรและหุ้นกู้ที่ปรับตัวสูงขึ้น
 

2. การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่เท่ากันของแต่ละประเทศ

การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่เท่ากันในแต่ละประเทศย่อมสะท้อนถึงนโยบายทางการเงินที่แตกต่างกัน โดยทาง Krungsri Research คาดว่า เศรษฐกิจโลกจะเติบโต 4.9% ในปี 2022 โดยเศรษฐกิจของประเทศส่วนใหญ่ (ยกเว้นจีน) จะเติบโตมากกว่าค่าเฉลี่ยหลัง 10 ปี
 
economic


จากภาพจะเห็นได้ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกากับยุโรปมีการเติบโตที่มากกว่าค่าเฉลี่ย ดังนั้น นโยบายทางการเงินจึงมีแนวโน้มที่จะตรึงเศรษฐกิจผ่านการลดการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) และขึ้นดอกเบี้ยเพื่อรักษาสมดุลทางเศรษฐกิจ

ในขณะเดียวกัน ประเทศที่มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอย่างประเทศจีนก็มีแนวโน้มที่จะออกนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตเร็วยิ่งขึ้นผ่านการปฏิรูปกระดานการซื้อขายหุ้นของประเทศ (National Equities and Quotations: NEEQ) รวมทั้งหันมาสนับสนุน SMEs และธุรกิจขนาดกลางมากยิ่งขึ้น

ปัจจัยด้านนโยบายทางการเงินเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อตลาดหุ้น ดังนั้น จึงถือเป็นโอกาสของนักลงทุนในการลงทุนต่างประเทศ ยกตัวอย่างกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ เช่น KFACHINA ที่ลงทุนในประเทศจีน หรือ KFUSRMF ที่ลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
 

3. การลงทุนด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแล

สำหรับแนวคิดการลงทุนด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแล (Environmental, Social, Governance: ESG) เป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ความสำคัญกับการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental) มีการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Social) และมีการกำกับดูแลด้านการบริหารที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ (Governance)

โดยทางบมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เผยว่า ในปี 2022 สินทรัพย์ที่เป็น ESG มีมากถึง 35 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2025 มีโอกาสเติบโตถึง 50 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากวิเคราะห์ว่า Fund Flow (เงินลงทุนจากต่างชาติ) มีผลต่อตลาดหุ้น ดังนั้น การติดตามและลงทุนใน ESG ก็ถือเป็นโอกาสในการตาม Fund Flow ที่เน้น ESG ซึ่งเป็นเทรนด์การลงทุนในปี 2022 ด้วย

ยกตัวอย่างกองทุนที่เกี่ยวข้องกับ ESG เช่น KFCLIMA ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลักอย่าง DWS Invest ESG Climate Tech, Class USD TFC ซึ่งลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพ น้ำ เกษตรกรรม และการป้องกันภัยพิบัติ เป็นต้น
 
esg
 

4. หลีกหนีตลาดผันผวน มุ่งหน้าสู่ Private Asset

สำหรับนักลงทุนท่านไหนที่ไม่ถนัดรับความเสี่ยงสูง ไม่ชอบความผันผวน สามารถมองหาแนวทางการลงทุน โดยหนีตลาดหลักทรัพย์ที่ผันผวน ปรับแนวทางการลงทุนสู่ Private Asset ที่มีความผันผวนน้อยกว่า ยกตัวอย่างเช่น Private Real Estate (อสังหาริมทรัพย์) และ Private Equity (การซื้อหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์) เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน Private Asset อย่างอสังหาริมทรัพย์อาจต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ลำพังเงินโบนัสอาจจะไม่เพียงพอ ดังนั้น ทางออกของการลงทุนในธีมนี้จึงเป็นการลงทุนในกองทุนรวมอย่าง Principal Ipropen ที่เน้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก โดยที่นักลงทุนไม่ต้องแบกรับภาระเงินทุนจำนวนมากก็สามารถสร้างรายได้จากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้เช่นเดียวกัน  

สรุป
การลงทุนด้วยโบนัสควรเริ่มต้นจากการศึกษาความรู้ด้านการเงินและการลงทุน รวมถึงวิเคราะห์ธีมการลงทุนในแต่ละปี เพื่อตัดสินใจเลือกแนวทางการลงทุนที่เหมาะสมกับตนเอง และทำให้โบนัสที่ได้รับช่วยสร้างผลกำไรงอกเงยดั่งใจหวัง ทั้งนี้ ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ
 

หากไม่แน่ใจว่าจะลงทุนอะไรดี สามารถสอบถามหรือรับคำแนะนำแบบส่วนตัวฟรี กับ ที่ปรึกษาทางการเงิน KRUNGSRI PRIME เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับทางโทรศัพท์ หรือ โทร 02-296-5959 ทุกวัน จันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00-17.00 น.
สนใจร่วมเป็นลูกค้า ด้วยการเลือก KRUNGSRI PRIME ต่อยอดเงินให้เติบโต​
KRUNGSRI PRIME ช่วยพาคุณไปสู่เป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น พร้อมเพิ่มความมั่งคั่งทางการเงิน และต่อยอดเงินล้านของคุณให้เติบโตสู่ล้านถัดๆไป นอกจากนี้ KRUNGSRI PRIME ยังมอบความพิเศษด้วยสิทธิ์ต่างๆทั้งด้านการเงินและไลฟ์สไตล์ที่ถูกคัดสรรมาให้แก่ลูกค้าคนพิเศษเช่นคุณ