เทศกาลชมดอกซากุระของญี่ปุ่นนั้นถือเป็นหนึ่งในเทศกาลที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งภายในประเทศและทั่วโลกมาอย่างยาวนาน แต่รู้หรือไม่ว่านอกเหนือจากดอกซากุระที่จะเริ่มบานตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคมแล้ว ประเทศญี่ปุ่นยังมีดอกไม้ และเทศกาลชมดอกไม้อื่น ๆ อีกตลอดทั้งปี เรียกได้ว่าไม่ว่าจะไปเที่ยวฤดูไหน ก็สามารถเลือกไปชมสีสันความงดงามของดอกไม้สารพัดชนิดได้ในแต่ละภูมิภาค ครั้งนี้เรามี 8 เทศกาลดอกไม้ที่จัดขึ้นในญี่ปุ่นมาให้เลือกปักหมุดไปเที่ยวกัน
PLUM BLOSSOM ดอกบ๊วย
WHEN TO SEE: กลางเดือนกุมภาพันธ์ - ต้นเดือนมีนาคม
ดอกบ๊วย และดอกซากุระ (Cherry Blossom) นั้นจัดเป็นญาติใกล้ชิดกัน ลักษณะของดอกก็คล้ายคลึงกัน แต่ช่วงเวลาการบานของดอกบ๊วยมักจะเริ่มต้นขึ้นก่อนดอกซากุระ ดังนั้นในประเทศญี่ปุ่น หากดอกบ๊วยเริ่มแย้มกลีบบานเมื่อใด ก็จะถือว่าฤดูใบไม้ผลิได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ลักษณะของดอกบ๊วยที่แตกต่างจากดอกซากุระคือกลีบดอกของดอกบ๊วยจะเป็นทรงกลมเรียบ เรียงต่อกันห้ากลีบ ส่วนซากุระนั้นกลีบดอกจะเรียวกว่าและมีหยัก หรือแฉกบริเวณปลายกลีบ สีสันของดอกบ๊วยมีตั้งแต่สีขาวไล่เฉดไปจนถึงชมพูเข้ม และแดง
WHERE TO SEE: สวนไครากุ (เดินทางโดย JR Joban Line ไปยัง Mito Station) , Yushima Tenjin Shrine (Yushima Station)
ทุก ๆ ปี ช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์ที่สวนไครากุ (Kairakuen) เมืองมิโต ซึ่งห่างจากกรุงโตเกียวออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 100 กิโลเมตร จะมีการจัดงาน Mito PlumFestival ถือเป็นเทศกาลชมดอกบ๊วยที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกของญี่ปุ่น ภายในงานนอกจากจะได้ชื่นชมความสวยงามของต้นบ๊วย ดอกบ๊วยสีขาวและสีชมพูนับพันต้น ยังมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น รวมไปถึงน้ำหอมกลิ่นดอกบ๊วย การแสดงดนตรีพื้นเมือง ยามค่ำคืนมีการประดับไฟเพื่อให้ชมดอกบ๊วยในอีกบรรยากาศหนึ่ง
หากไม่อยากเดินทางไปไกล ในสวนของ Yushima Tenjin Shrine ในย่านอุเอโนะ กรุงโตเกียว ก็มีการจัดเทศกาล Ume Matsuri หรือเทศกาลชมดอกบ๊วยเช่นกัน
SAKURA (JAPANESE CHERRY BLOSSOM) ดอกซากุระ
WHEN TO SEE: กลางเดือนมีนาคม - ต้นเดือนพฤษภาคม
หลังจากดอกบ๊วยเริ่มผลิบาน ดอกซากุระก็จะค่อย ๆ เผยโฉมความงามออกมาอย่างต่อเนื่องกันดอกซากุระในญี่ปุ่นจะเริ่มบานราวกลางเดือนมีนาคมไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวนับล้านเดินทางมาเพื่อสัมผัสกับความสวยงามของดอกซากุระในช่วงเวลานี้อย่างคับคั่ง เว็บไซต์ Bloomberg ระบุว่าในปี 2018 ก่อนจะเกิดสถานการณ์โควิด แค่ลำพังช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 5 ล้านคนเดินทางมาญี่ปุ่น ในจำนวนนี้กว่าครึ่งเป็นชาวจีนและเกาหลี ส่วนนักเดินทางชาวไทยนั้นมีจำนวนราว 250,000 คน
ทราบกันดีว่าหากต้องการถ่ายภาพซากุระที่สวยที่สุด ต้องเลือกเดินทางไปช่วงที่ซากุระผลิบานเต็มที่ (Full Bloom) โดยช่วงเวลาการบานนั้นจะค่อย ๆ ไล่จากเมืองทางใต้อย่างฟูกุโอกะ (ในปีที่ผ่านมา ซากุระบานเต็มที่ระหว่าง 26 -31 มีนาคม 2022) โตเกียว (28 มีนาคม - 3 เมษายน 2022) เซนได (11-17 เมษายน) ไปจนถึงเมืองทางเหนืออย่างฮอกไกโด (25 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2022) อย่างไรก็ตามในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศของโลกมีการแปรปรวน ส่งผลให้ดอกซากุระบานเร็วขึ้นจากสถิติดั้งเดิมราว 2 สัปดาห์ ดังนั้นในปีนี้หากอยากไปชมซากุระให้ถูกที่ ถูกจังหวะ จึงควรเลือกวันเดินทางให้ดี จะได้ไม่พลาดช่วงเวลาที่สวยงามที่สุด (ดูสถิติของปีที่แล้ว และเช็คช่วงเวลา Full Bloom ได้ที่ www.japan-guide.com/sakura)
WHERE TO SEE: หากเป็นโตเกียว สวนที่ได้รับความนิยมในการชมดอกซากุระมากที่สุดคือสวนอุเอโนะ, ชินจูกุ เกียวเอน และโยโยงิ ปาร์ค
WISTERIA วิสทีเรีย
WHEN TO SEE: ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
ชาวญี่ปุ่นนั้นเรียกดอกวิสทีเรีย ว่าดอกฟูจิ Fuji ความสวยงามของดอกวิสทีเรียนั้นอยู่ที่ช่อดอกขนาดใหญ่ที่ยาวประมาณ 50 เซนติเมตร หากเป็นต้นที่โตเต็มวัยจะมีช่อดอกมากนับร้อยช่อในหนึ่งต้น สีสันมีตั้งแต่โทนม่วง และขาว ความพิเศษของการชมดอกวิสทีเรียที่ญี่ปุ่นนั้นอยู่ที่การตกแต่งสวนให้ออกมาดั่งภาพฝัน ไม่ว่าจะเป็นอุโมงค์ดอกวิสทีเรีย หรือแม้แต่ต้นวิสทีเรียอายุนับร้อยปี ที่แผ่กิ่งก้านจนอยู่สูง ให้คนเดินเข้าไปถ่ายภาพใต้ร่มดอกวิสทีเรียที่ห้อยระย้าอย่างงดงาม
WHERE TO SEE: สำหรับจุดที่ไม่ไกลจากกรุงโตเกียว คือสวนอาชิคางะ (Ashikaga Flower Park) ซึ่งห่างจากโตเกียวเพียง 90 นาที โดยรถไฟ แต่ละปีจะมีการจัดงาน เทศกาลดอกวิสทีเรีย A Tale of the Wisteria “The Great Wisteria Festival” ชมดอกวิสทีเรียกว่า 350 ต้นผลิบานพร้อมกันทั้งสวนจนเกิดเป็นภาพแสนอลังการ ที่นี่มีต้นวิสทีเรียโบราณอายุกว่า 160 ปี ที่ยังคงมีดอกผลิบานเสมอ ในปี 2014 CNN เคยมอบรางวัล World's Dream Travel Destination ให้สวนแห่งนี้ด้วย
ส่วนเมืองทางใต้อย่างฟุกุโอกะ ก็มีสวนวิสทีเรียเช่นกันชื่อสวน Kawachi Fujien ตั้งอยู่ในเมือง Kitakyushu ไฮไลท์ของสวนนี้อยู่ที่อุโมงค์ดอกวิสทีเรียที่ปลูกสลับสีม่วง ขาว ทอดยาวกว่า 80 เมตร และ 220 เมตร รับรองว่าถ้ามาเยือนแล้วได้รูปสวยกลับไปแน่นอน
NEMOPHILA เนโมฟีลา
WHEN TO SEE: กลางเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
ดอกเนโมฟีลานั้นมีอีกชื่อหนึ่งคือ Baby Blue Eyes เป็นสายพันธุ์เดียวกับดอกอย่าลืมฉัน หรือ Forget Me Not ที่มีต้นกำเนิดจากทวีปอเมริกา ดอกไม้สีฟ้าสวยชนิดนี้หากอยู่โดด ๆ ก็น่ารัก แต่เมื่อถูกนำมาปลูกเป็นทุ่งเต็มภูเขา ยิ่งเกิดเป็นความงดงามน่าประทับใจ ดั่งดินแดนในเทพนิยาย เพราะภูเขาทั้งลูกจะถูกเปลี่ยนเป็นสีฟ้าคราม ไม่ต่างจากสีของน้ำทะเลในฤดูร้อน
WHERE TO SEE: จุดชมทุ่งดอกเนโมฟีลานั้นมีมากมาย ทั้งที่อยู่ใกล้กับกรุงโตเกียว โอซาก้า รวมทั้งที่มีทิวทัศน์ฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ สำหรับสถานที่ยอดนิยมที่สุดเริ่มจาก Hitachi Seaside Park ที่ห่างจากกรุงโตเกียวราว 2 ชั่วโมง ที่นี่จะเริ่มปลูกดอกสีฟ้าสวยเหล่านี้กว่า 5 ล้านต้นเต็มพื้นที่สวน Miharashi Hill ไว้ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนที่จะผลิบานช่วงปลายเดือนเมษายนนอกจากจะมีดอกไม้ให้ชมแล้ว ยังมีอาหารและขนมที่ทำจากดอกเนโมฟีลาให้ลองชิมอีกด้วย อีกจุดที่มีทิวทัศน์สวยงามไม่แพ้กันคือที่ Yamanakako Hana no Miyako Park สวนที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ ที่นี่เป็นสวนที่เหมาะกับครอบครัวและมีทางเดินที่ลัดเลาะไปในสวนสำหรับรถวีลแชร์ด้วย
IRIS ไอริส
WHEN TO SEE: ปลายเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม
ดอกไอริสนั้นถูกนำเข้ามาปลูกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อราวร้อยปีก่อนหรือช่วงยุคเอโดะ (1603-1868) ก่อนจะได้รับความนิยมและพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ ๆ จนเกิดเป็น Japanese Iris อีกมากมาย เมื่อถึงเดือนมิถุนายนของทุกปีจะมีการจัดเทศกาลชมดอกไอริสหรือ Katsushika Shobu Matsuri ขึ้นในเวลาต่อมาด้วย นอกจากนี้ยังมีความเชื่อกันว่าดอกไอริสนั้นมีพลังในการปกป้องคุ้มครอง ซึ่งอ้างอิงถึงจิตวิญญาณของซามูไร ในอดีตเมื่อถึงวันของเด็กผู้ชายจึงมีการนำดอกไอริสใส่ลงในน้ำสำหรับอาบ
WHERE TO SEE: เทศกาลชมดอกไอริสที่ใกล้กรุงโตเกียวมากที่สุดคือที่ Horikiri Shobuen (Horikiri Shobuen Station) สวนที่ก่อตั้งในย่านเมืองเก่าสมัยเอโดะเช่นกัน ภายในสวนมีต้นไอริสราว 200 ชนิด มากกว่า 6,000 ต้น ไล่เฉดตั้งแต่สีขาว สีเหลือง สีฟ้า สีม่วงอ่อนไปจนถึงสีม่วงเข้ม และสีม่วงแดง ภายในงานเทศกาลจะมีการออกร้านขายสินค้า และขบวนพาเหรด
HYDRANGEA ไฮเดรนเยีย
WHEN TO SEE: กลางเดือนมิถุนายน – กลางเดือนกรกฎาคม
ไฮเดรนเยีย หรือ อาจิไซ Ajisai ในภาษาญี่ปุ่นนั้นถือเป็นดอกไม้ตัวแทนฤดูฝน ด้วยความที่ดอกไฮเดรนเยียชื่นชอบความเย็นสดชื่นของน้ำเป็นพิเศษจึงแข่งกันผลิบานในช่วงนี้แทบจะทุกพื้นที่ในญี่ปุ่น สีสันและสายพันธุ์ต่าง ๆ ของไฮเดรนเยียญี่ปุ่นนั้นมีมากมาย ไล่ตั้งแต่ขาว ฟ้า ม่วง ชมพู แดง นอกจากนี้ยังมีรูปร่างและลักษณะของช่อดอกที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ฤดูกาลแห่งการชมดอกไฮเดรนเยียนั้นมีสีสันเพิ่มมากขึ้น
WHERE TO SEE: ในกรุงโตเกียวมีการจัดงาน Hydrangea Festival ที่ Hakusan Jinja Shrine ศาลเจ้าโบราณในศาสนาชินโต ซึ่งมีอายุมากกว่าพันปี ภายในบริเวณศาลเจ้าปลูกดอกไฮเดรนเยียไว้มากมาย เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางเดือนมิถุนายน จึงมีการจัดเทศกาลชมดอกไฮเดรนเยียขึ้นภายในบริเวณวัด มีกิจกรรมศิลปะ ออกร้านขายสินค้า อาหาร ฯลฯ อีกที่หนึ่งซึ่งได้รับความนิยมเช่นกันคือเทศกาลชมดอกไฮเดรนเยียที่วัด Hase ในเมืองคามาคุระ ไฮไลท์ของที่นี่คือไฮเดรนเยียสายพันธุ์แปลก ๆ ที่ปลูกเต็มพื้นที่ภูเขาด้านหนึ่งของวัด นอกจากจะได้ชมดอกไม้ ได้ไหว้พระ ยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองจากด้านบนเขาอีกด้วย
LAVENDER ลาเวนเดอร์
WHEN TO SEE: ต้นเดือนกรกฏาคม - ต้นเดือนสิงหาคม
ลาเวนเดอร์นั้นไม่ใช่พืชท้องถิ่นของญี่ปุ่นแต่ก็สามารถเติบโตได้ดีในบางพื้นที่ โดยเฉพาะบนเกาะฮอกไกโด ที่เมืองฟุราโน และบิเอะ ซึ่งมีฤดูร้อนที่ไม่ร้อนจนเกินไปนัก สวนลาเวนเดอร์ในฮอกไกโดเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 แต่เพิ่งมาเริ่มเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเมื่อราวยุค 1970 นี่เอง ความงดงามของทุ่งดอกลาเวนเดอร์ของที่นี่อยู่ที่การปลูกไล่ไปตามเชิงเขา เมื่อดอกสีม่วงบานเต็มที่ ทิวทัศน์ที่ได้จึงงดงามไม่ต่างจากทุ่งลาเวนเดอร์ที่ฝรั่งเศสหรืออังกฤษเลย ช่วงเวลาที่เหมาะจะไปชมลาเวนเดอร์ของฮอกไกโด ใกล้เคียงกับลาเวนเดอร์ที่ฝรั่งเศส ซึ่งจะออกดอกเต็มที่ในช่วงต้นถึงกลางเดือนกรกฎาคม
WHERE TO SEE: ฟาร์มโทมิตะ ในเมืองฟุราโน ถือเป็นจุดสำคัญที่นักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบดอกลาเวนเดอร์ไม่ควรพลาด ทุ่งดอกไม้ของฟาร์ม โทมิตะ ไม่ได้มีเพียงแค่สีม่วงของลาเวนเดอร์เท่านั้น แต่ยังปลูกดอกไม้ชนิดอื่น ๆ เป็นแนวยาวลงมาตามเนินเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นดอกป็อปปี้สีแดงและส้ม ดอกแคทฟรายส์สีชมพู ฯลฯ แตกต่างกันเหมือนแถบสีรุ้ง ภายในฟาร์มโทมิตะยังมีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากลาเวนเดอร์จำหน่าย เช่น ชา น้ำมันหอมระเหย หรือแม้แต่ไอศครีมลาเวนเดอร์สีม่วงอ่อน
สำหรับสถานที่ที่ใกล้โตเกียว ก็มีทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่ Tambara Lavender Park จังหวัดกุนมะ รวมทั้งริมทะเลสาบ Kawaguchiko ในเขตยามานาชิ
COSMOS & KOCHIA คอสมอส และโคเชีย
WHEN TO SEE: ปลายเดือนสิงหาคม - ต้นเดือนตุลาคม
ก่อนจะเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ยังมีดอกไม้และต้นไม้ที่สร้างสีสันให้ 3 เดือนในฤดูร้อนไม่แห้งเฉาจนเกินไปนัก ดอกแรกคือคอสมอส ดอกไม้ที่ถือเป็นตัวแทนของการมาเยือนแห่งฤดูใบไม้ร่วง (เช่นเดียวกับที่ดอกบ๊วยเป็นตัวแทนของฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะเริ่มต้น) ดอกคอสมอสนั้นมีทั้งโทนสีทองสวย ไปจนถึงสีชมพู ส่วนพืชอีกชนิดหนึ่งที่เปลี่ยนสีในช่วงเวลาเดียวกับที่ดอกคอสมอสบานคือ โคเชีย ซึ่งเป็นหญ้าชนิดหนึ่งมีพุ่มเป็นรูปทรงกลม ในช่วงต้นฤดูร้อน หญ้าโคเชียจะมีสีเขียวสดธรรมดา แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนสิงหาคมกันยายน จะค่อย ๆ เปลี่ยนสีเป็นสีแดง ก่อนจะเป็นสีแดงสดช่วงเดือนตุลาคม เมื่อปลูกรวมกันเป็นทุ่งจึงทำให้เกิดเป็นภาพอันแสนตื่นตา
WHERE TO SEE: หากต้องการชมทั้งดอกคอสมอสและหญ้าโคเชียในวันเดียวกัน แนะนำให้ไปที่ Hitachi Seaside Park ลานที่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปลูกดอกเนโมฟีลาสีฟ้า Miharashi Hill จะถูกเปลี่ยนเป็นเนินหญ้าโคเชีย ที่ปลูกไว้มากกว่า 32,000 ต้น